วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ดอร์ทมุนด์ 2-1 เบรเมน


"เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ประเดิมเก็บสามแต้มได้สำเร็จหลังเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน ไปได้หวุดหวิด 2-1 นัดเปิดฤดูกาล บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา

ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน นัดแรกวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2555โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2 - 1 แวร์เดอร์ เบรเมน

สนาม : ซิกนัล อิดูน่า สตาดิโอน ผู้ชม : 80,645 คน

        เกมเปิดสนามบุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2012-2013 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ประเดิมด้วยเจ้าของดับเบิ้ลแชมป์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ "นกนางนวล" แวร์เดอร์ เบรเมน ท่ามกลางแฟนบอลจำนวนมากถึง 80,645 คน

        เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์เสือเหลืองส่ง ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, มาร์โค รอยส์ นำทัพ ส่วน โธมัส ชาฟ กุนซือเบรเมนส่งนักเตะหน้าใหม่ลงสนามทั้ง โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, เอลเยโร่ เอเลีย, เควิน เดอ บรุนน์ และ ธีโอดอร์ กาเบร้ เซลาสซี่

        ก่อน เกมเริ่มต้นมีพิธีการวันเปิดสนามบุนเดสลีกา โดยครึ่งแรก นาที 11 ดอร์ทมุนด์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ผ่านบอลแม่นยำให้ มาร์โค รอยส์ เลี้ยงบอลหลบกองหลัง และยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งเสียบเสาสองเข้าประตู

        นาที 17 เบรเมน มีลุ้น อารอน ฮันท์ เปิดบอลเร็วจากลูกโต้กลับเร็ว เอลเยโร่ เอเลียซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย

        สิบนาทีต่อมา ฮันท์ ได้บอล จ่ายให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ซัดเท้าขวาหน้าประตู บอลไปตรงตัว โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวาร

        จากนั้นนาที 31 มาร์โค รอยส์ มิดฟิลด์ดอร์ทมุนด์ สังหารฟรีคิก จากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลา

        และ นาที 44 เป็นโอกาสของเสือเหลือง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ทำทางให้ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ยิงเท้าขวาระยะไกล ข้ามคาน จบครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์นำ 1-0

        เข้า สู่ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่เปลี่ยนผู้เล่นสำรอง นาที 50 มาร์เซล ชเมลเซอร์ โยนบอลมาเข้าหัว มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ โขกเผาขนติด เซบาสเตียน มีลิทซ์ นายทวารเบรเมน เซฟได้เยี่ยม

        นาที 60 มาร์โค รอยส์ ได้ซัลโวฟรีคิกระยะไกล บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลา

        หกนาทีต่อมา ทีมเยือนแก้เกมส่ง นีล พีเตอร์เซ่น ลงเล่นแทน อเล็กซานเดอร์ อิงยอฟสกี้

        เบร เมนตีเสมอ 1-1 นาที 75 มาร์โก อาร์เนาโตวิช โยนบอลจากฝั่งขวาให้ ธีโอดอร์ กาเบร้ เซลาสซี่ แบ็กขวาโหม่งที่เสาแรก บอลพุ่งเสียบเสาสองอย่างสวยงาม

        นาที 81 ดอร์ทมุนด์นำ 2-1 ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ผ่านบอลให้ มาริโอ ก็อตเซ่ ตัวสำรองยิงที่เสาแรกเสียบมุมประตู เข้าไป จบเกม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกสตาร์ทนัดแรกบุนเดสลีกา ซีซั่นใหม่ ชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน 2-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ :
โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - โอลิเวอร์ เคิร์ช (อีวาน เพริซิช น.82), เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - อิลคาย กุนโดกาน (โมริตซ์ เล็ตเนอร์ น.71), เซบาสเตียน เคห์ล (กัปตันทีม) - ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้, มาร์โค รอยส์, เควิน โกรสครอยท์ซ (มาริโอ ก็อตเซ่ น.78) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : มิตเชลล์ ลันเกรัค (ผู้รักษาประตู), เฟลิเป้ ซานตาน่า, คริส โลเว่, จูเลี่ยน ชีเบอร์
ใบเหลือง : อิลคาย กุนโดกาน น.21, เซบาสเตียน เคห์ล น.62


แวร์เดอร์ เบรเมน : เซบาสเตียน มีลิทซ์ - ธีโอดอร์ กาเบร้ เซลาสซี่, เซบาสเตียน เพรอเดิ้ล, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, อเล็กซานเดอร์ อิงยอฟสกี้ (นีล พีเตอร์เซ่น น.66) - เคลเมนส์ ฟริตซ์ (กัปตันทีม) - เควิน เดอ บรุนน์, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช, อารอน ฮันท์ (นิคลาส ฟูลล์ครุก น.87), เอลเยโร่ เอเลีย - มาร์โก อาร์เนาโตวิช
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ราฟาเอล โวล์ฟ (ผู้รักษาประตู), อัสซานี่ ลูคิมยา-มูลงโกติ, ลูคัส ชมิตซ์, ฟิลิปป์ บาร์กเฟรเด้, เมห์เม็ต เอคิซี่
ใบเหลือง : อเล็กซานเดอร์ อิงยอฟสกี้ น.28, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช น.59

ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ซวาเยอร์ (เบอร์ลิน)

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล มาดริด

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล มาดริด

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล มาดริด

ฟุตบอลสแปนิช ซูเปอร์ คัพ นัดแรก


บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล มาดริด

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555

สนาม : คัมป์ นู




เริ่มเกม ทั้งสองทีมเล่นกันค่อนข้างรัดกุม โอกาสเข้าทำแทบไม่มี ถึงนาทีที่ 13 บาร์ซ่า ได้สร้างจังหวะหวาดเสียวเข้าทักทาย เปโดร โรดริเกซ เปิดบอลเรียดจากเขตโทษด้านซ้าย กะให้กับ อเล็กซิส ซานเชส ที่เสาสอง แต่เข้าไม่ถึง บอลเลยผ่านหน้าปากประตูไป
น.17 เคราร์ด ปิเก้ ดันเกมรุกขึ้นสูง ก่อนที่จะตัดสินใจยิงไกลกล่า 30 หลา บอลพุ่งเรียดหลุดกรอบออกไป
น.19 เริ่มต่อกันติดมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ บาร์ซ่า ได้โอกาสลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ ดาเนี่ยล อัลเวส ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนที่จะเปิดตัดเข้าในให้ เมสซี่ แต่งบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยซ้าย บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
น.29 เกมของ บาร์ซ่า เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีโอกาสลุ้นทำประตูอีกครั้ง เมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ ทำชิ่งต่อบอลให้ เมสซี่ ลากบอลหลบแนวรับ มาดริด ถึง 3 คน ก่อนที่จะได้ยิงด้วยซ้ายตรงเส้นเขตโทา แต่ยิงบดไปบอลไหลออกเสาสอง
น.40 หลังจากที่ผ่อนเกมรุกลงมาพักใหญ่ บาร์ซ่า บุกเข้าหาอีกครั้ง ก่อนที่ ชาบี เอร์นานเดซ จะได้ตั้งป้อมซัดไกลจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งโด่ง้ามคานออกไป
จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง หลังจากพักแก้เกม เริ่มมาถึงนาที 55 มาดริด ทีมเยือน ที่หาโอกาสยิงในครึ่งแรกแทบไม่ได้ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เมซุต โอซิล เปิดเข้าไปจุดนัดพบ โรนัลโด้ โฉบขึ้นโหม่งตัดหน้าตัวประกบอย่าง เซร์คิโอ บุสเกตส์ เสียบมุมเข้าไป
น.56 ทีมเยือนดีใจได้แป๊ปเดียว เพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น บาร์ซ่า ก็มาทวงประตูคืนทันควัน จากจังหวะที่ มาสเคราโน่ เปิดบอลจากกลางสนามตัดหลังแนวรับ มาดริด ให้ เปโดร โรดริเกซ แตะบอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนแปสวนตัว กาซิยาส เข้าไปอย่างเฉียบขาด ให้ บาร์ซ่า ตีเสมอเป็น 1-1
น.61 มาดริด แก้เกมด้วยการส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมาล่าตาข่ายแทน คาริม เบนเซม่า ที่ไร้บทบาทในครึ่งหลัง ก่อนที่จะส่ง อังเคล ดิ มาเรีย ลงมาสมทบ แทนที่ โฆเซ่ กาเยฆ่อน ในนาที 66
น.70 แนวรุกของ บาร์ซ่า ยังสร้างความปั่นป่วนให้กับทีมเยือนได้เรื่อยๆ ก่อนที่ อันเดรียส อิเนียสต้า จะโดน เซร์คิโอ รามอส พุ่งเสียบคว่ำในเขตโทษ ผู้ตัดสินจ้องดูเหตุการณ์อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะชี้เป็นจุดโทษ ลิโอเนล เมสซี่ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ ให้ บาร์ซ่า พลิกแซง 2-1
น.78 บาร์ซ่า มาสร้างความสุขให้แฟนบอลในคัมป์ นู ได้อีกครั้ง เมื่อมาได้ประตูพลิกนำไปเป็น 3-1 จากจังหวะที่ อิเนียสต้า กระชากบอลเข้าเขตโทษ หลบแนวรับทีมเยือนถึง 3 คน ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ ชาบี เอร์นานเดซ หลุดเดี่ยวเข้าไปแปผ่านมือ กาซิยาส เข้าไปง่ายๆ
น.85 จากรูปเกมที่ดูเป็นรองของ มาดริด แต่กลับมาได้ประตูไล่ทวงมาเป็น 2-3 จากจังหวะที่ อาเดรียโน่ จ่ายบอลคืนหลังให้ บิคตอร์ บัลเดส แล้วพยายามแต่งบอล ก่อนที่ อังเคล ดิ มาเรีย จะอาศัยความขยันไล่ไปแย่งบอลจากเท้า บัลเดส ได้ ก่อนจะยิงเข้าไปโล่งๆ
จบเกม บาร์ซ่า เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ มาดริด ไป 3-2 ต้องไปลุ้นต่อในนัดที่ 2 ที่ซานติอาร์โก้ เบร์นาเบว ในวันพุธที่ 29 ส.ค.นี้
รายชื่อผู้เล่น บาร์เซโลน่า
บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนี่ยล อัลเวส, เคราร์ด ปิเก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อาเดรียโน่ - ชาบี เอร์นานเดซ (เชส ฟาเบรกาส น.83), เซร์คิโอ บุสเกตส์, อันเดรียส อิเนียสต้า - อเล็กซิส ซานเชส (คริสเตียน เตโญ่ น.72), ลิโอเนล เมสซี่, เปโดร โรดริเกซ (ฆอร์ดี้ อัลบา น.87)
สำรองไม่ได้ใช้
โชเซ่ ปินโต้ - การ์เลส ปูโยล, เซร์กี้ โรแบร์โต้, ดาบิด บีย่า
รายชื่อผู้เล่น เรอัล มาดริด
อิเกร์ กาซิยาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ราอูล อัลบิโอล, เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ โคเอนเทรา (มาร์เซโล่ น.82) - ซามี่ เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่ - โฆเซ่ กาเยฆ่อน (อังเคล ดิ มาเรีย น.66), เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า (กอนซาโล่ อิกวาอิน น.61)
สำรองไม่ได้ใช้
อันโตนิโอ อาดาน - ราฟาเอล วาราน, เอสเตบัน กราเนโร่, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า
ผู้ตัดสิน : การ์ลอส คลอส โกเมซ

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match อโตรมิตอส 1-1 นิวคาสเซิล

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match อโตรมิตอส 1-1 นิวคาสเซิล


ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match อโตรมิตอส 1-1 นิวคาสเซิล

"สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล บุกไปตามตีเสมอ อโตรมิตอส ตัวแทนจากกรีซมาได้แบบลุ้นเหนื่อย โดยได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ไรอัน เทย์เลอร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก แต่ยังต้องไปตัดสินกันนัดสอง ขณะเดียวกัน "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ไล่อัด วาสลุย เจ้าถิ่นแบบสบายเกือก 2-0 โอกาสผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มสดใส ในศึกฟุตบอล ยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา


ฟุตบอล ยูโรปา ลีกรอบเพลย์ออฟ นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555
อโตรมิตอส (กรีซ) 1   -   1 นิวคาสเซิ่ล (อังกฤษ)
ผู้ทำประตู : 1-0 เดนิส เอปสไตน์ น.24, 1-1 ไรอัน เทย์เลอร์ น.45



สนาม : สตาดิโอ เปริสเตริอู

        "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมแกร่งจากอังกฤษบุกเยือนอโตรมิตอส ด้วยผู้เล่นชุดสำรองเป็นส่วนใหญ่ แต่กองหน้าใช้ ปาปิสส์ ซิสเซ่ ยืนค้ำโดยมี กาเบรียล โอแบร์กต็อง ปั้นเกมรุกอยู่ข้างหลัง ขณะที่เจ้าถิ่นใช้กองหน้า 3 รายคือ นิโกล่า เบลยิช, เอ็นจาซี่ คูกิ และ เดนิส เอปสไตน์ คอยป่วน

        เล่นไปได้ 9 นาที อโตรมิตอสลุ้นก่อนจากจังหวะที่ดิมูตซอสโยนจากขวามาให้ เอ็นจาซี่ คูกิ ซัดหลุดข้างเสา จากนั้นนาที 13 อิเกลเซียสส่องไกลระยะ 25 หลาข้ามคาน

        กระทั่ง นาที 24 อโตรมิตอสขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะที่เบลยิชผ่านบอลตัดหลังทาเวอร์เนียร์ กองหลังทีมเยือน เข้าทางเอปสไตน์ที่เติมขึ้นมา ซัดผ่านฮาร์เปอร์เข้าไป

        อย่างไรก็ตาม นิวคาสเซิ่ลตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเจ็บสำเร็จ เมื่อได้ฟรีคิกหลังกอสลิ่งโดนอิเกลเซียสทำฟาวล์ระยะ 25 หลา ไรอัน เทย์เลอร์ วิ่งมาตะบันเรียดส่งบอลเสียบมุมซ้ายมือตัวเองสุดสวย แม้ว่าอิต็องเช่พยายยามพุ่งสุดตัวก็ตาม ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

        กลับมาเล่นครึ่งหลังแค่ 2 นาที นิวคาสเซิ่ลได้ลุ้น ซิสเซ่โยนจากขวามาหน้าประตู มาร์กโวซ์ขวิดหลุดกรอบ จากนั้น นาที 58 เทย์เลอร์ไหลฟรีคิกให้โอแบร์กต็องตะบันฮาล์ฟวอลเล่ย์ บอลโด่งข้ามคาน

        สาลิกาเหนือกว่า นาที 68 โอแบร์กตองถอยลึกมาทางปีกขวา ก่อนเปิดเข้ากลาง อิต็องเช่อ่านเกมพลาด ไม่ออกมาตัด ซิสเซ่ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสสับ แต่คราวนี้อิต็องเช่ขยับไปป้องกันได้ทัน จบเกม นิวคาสเซิ่ลบุกมาเสมออโตรมิตอส 1-1 ต้องไปตัดสินกันนัดสอง กลางสัปดาห์หน้า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        อโตรมิตอส :
ชาร์ลส์ อิต็องเซ่ - จานนิส สคอนดราส, โซคราติส ฟิตานิดิส, นิคอส ลาซาริดิส, คอสตาส จานนูลิส (อาธานาซิออส คารากูนิส น.86) - เอลินี่ ดิมูตซอส, วอลเตอร์ อิเกลเซียส, เอดูอาร์โด้ บริโต้ - นิโกล่า เบลยิช (มารินาลโด้ ชุมบินโญ่ น.60), เอ็นจาซี่ คูกิ (อนาสตาซิออส คารามานอส น.60), เดนิส เอปสไตน์

        นิวคาสเซิ่ล
: สตีฟ ฮาร์เปอร์ - เจมส์ ทาเวอร์เนียร์, ไมค์ วิลเลียมสัน, เจมส์ เพิร์ช, ไรอัน เทย์เลอร์ - แดน กอสลิ่ง (โรเมน อมาลฟิตาโน่ น.64), กาเอล บิกิริมาน่า, วูร์นอน อนิต้า, ซิลแว็ง มาร์กโวซ์ (โฮนาส กูเตียร์เรซ น.71), กาเบรียล โอแบร์กต็อง - ปาปิสส์ ซิสเซ่ (อดัม แคมป์เบลล์ น.77)

        ผู้ตัดสิน
: อาลอน เยเฟต (อิสราเอล)

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮาร์ทส์ ออฟ มิดโลเธียน 0-1 ลิเวอร์พูล

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮาร์ทส์ ออฟ มิดโลเธียน 0-1 ลิเวอร์พูล


ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮาร์ทส์ ออฟ มิดโลเธียน 0-1 ลิเวอร์พูล

ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
รอบเพลย์-ออฟ นัดแรก


ฮาร์ทส์ 0 - 1 ลิเวอร์พูล

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555
สนาม : ไทน์คาสเซิ่ล
ผู้ตัดสิน : ฟลอเรียน เมเยอร์ (เยอรมนี)





"หงส์เเดง"ลิเวอร์พูล ทีมเยือนเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมครึ่งเวลาเเรก โดยจะบุกจากซ้ายไปขวา

เริ่มเกมมาเเค่ 8 นาทีเเรก ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นทำประตูก่อน จากลูกยิงไกลของชาร์ลี อดัมเเต่แม็คโดนัลด์พุ่งปัดออกไปได้

นาทีที่ 12 อาร์วีดาส โนวิโควาสได้โอกาสยิงไกลด้วยซ้าย เเต่โฆเซ่ เรน่าปัดออกไปได้จากเส้นปากประตู

นาทีที่ 28 ราฮึม สเตอร์ลิ่งลากบอลตัดเเนวรับฮาร์ทส์เข้ามาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงไกลด้วยขวาบอลโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 31 เจย์ สเปียริ่งจ่ายบอลทะลุช่องให้ฟาบิโอ บอรินี่หลุดเข้าไปยิง เเต่เเนวรับฮาร์ทส์ล้มตัวสกัดออกไปได้

ก่อน หมดเวลาครึ่งเวลาเเรก ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสที่จะทำประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ราฮึม สเตอร์ลิ่งฉกบอลจากการจ่ายของเมห์ดี้ ทาอุยล์ ก่อนจะกระชากบอล เเล้วไหลให้ฟาบิโอ บอรินี่ได้ยิงจ่อๆ เเต่บอลไปชนเสาออกไป จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0

นาทีที่ 55 เเนวรับลิเวอร์พูล สกัดบอลไม่ขาดทำให้บอลมาเข้าทางคัลลั่ม เพเทอร์สันได้โอกาสหลุดขึ้นมายิงทางด้านฝั่งขวา เเต่บอลหลุดเสาเเรกออกไป

นาที ที่ 58 ชาร์ลี อดัมลากบอลตัดเเนวรับฮาร์ทส์เข้ามาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงด้วยขวาข้างไม่ถนัดจากเเถวสอง บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที ที่ 67 ราฮึม สเตอร์ลิ่งส่งบอลคืนหลังให้กับชาร์ลี อดัมได้ยิงจากเเถวสองบอลไปติดเเนวรับฮาร์ทส์ ก่อนแม็คโดนัลด์จะล้มตัวรับเอาไว้ได้

นาทีที่ 78 ลิเวอร์พูล บุกมานำ ฮาร์ทส์ 1:0 เมื่อมาร์ติน เคลลี่เปิดบอลด้านฝั่งขวา เข้ามาให้กับฟาบิโอ บอรินี่จิ้มบอลไปติดแอนดี้ เว็บสเตอร์ในจังหวะสุดท้ายเข้าประตูไป

นาที ที่ 88 เจมี่ คาร์ราเกอร์สกัดบอลไม่ขาด ไดรเวอร์ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาได้โอกาสยิงจากบริเวณเขตโทษเเต่โฆเซ่ เรน่าพุ่งรับเอาไว้ได้

นาทีที่ 89 ฮาร์ทส์ ได้โอกาสลุ้นทำประตูอีกครั้งจากลูกตวัดยิงด้วยขวาของจอห์น ซัตตัน เเต่โฆเซ่ เรน่าพุ่งปัดบอลออกไปได้

จบเกม ลิเวอร์พูล บุกชนะ ฮาร์ทส์  ไปก่อน 1-0

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามทั้งสองทีม

ฮาร์ทส์ ระบบ 4-4-2 :  แม็คโดนัลด์ , คัลลั่ม เพเทอร์สัน,แอนดี้ เว็บสเตอร์,มาริอุส ซาริอูคาส,แดนนี่ เกรนเจอร์, ดีแลน แม็คโกแวน,ดาร์เรน บาร์,เมห์ดี้ ทาอุยล์,ปีเตอร์สัน, อาร์วีดาส โนวิโควาส,จอห์น ซัตตัน

ลิเวอร์พูล ระบบ 4-5-1 :  โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์,แดเนียล แอ็กเกอร์,โรบินสัน(สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.61) ,จอนโจ เชลวี่ย์,ชาร์ลี อดัม,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,ราฮึม สเตอร์ลิ่ง,เจย์ สเปียริ่ง(โจ อัลเลน น.65) ,ฟาบิโอ บอรินี่(อดัม มอร์เเกน น.90+2)

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 4-2 เรดดิ้ง

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 4-2 เรดดิ้ง

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 4-2 เรดดิ้ง

ผลบอล"สิงห์บูลส์"เชลซี ออกเเรงเหนื่อยยิงช่วงท้ายเกมเเซง"เดอะ รอยัลส์"เร้ดดิ้ง ด้วยสกอร์ 4:2 ในเกมพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2012/2013

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2012/2013
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เชลซี 4: 2 เร้ดดิ้ง
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน เวลา : 01.45 น.
"สิงห์บูลส์"เชลซี เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมในครึ่งเวลาเเรก โดยจะบุกจากขวาไปซ้าย
เริ่มเกมมาเเค่นาทีที่ 2 เชลซี ได้โอกาสลุ้นทำประตูก่อน จากจังหวะสวนกลับเร็วที่ฆวน มาต้าไหลบอล ให้เอดิน อาซาร์ดหลุดขึ้นมาด้านฝั่งซ้ายได้ยิงเเต่บอลหลุดเสาสองออกไป
นาทีที่ 6 บรานิสลาฟ อิวโนวิชจ่ายบอลให้กับรามิเรสหลุดขึ้นมาด้านฝั่งซ้าย เเต่จังหะสุดท้ายยิงไปติดเซฟอดัม เฟเดริซี่อย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 12 เฟอร์นานโด ตอร์เรสลากบอลผ่านเเนวรับเร้ดดิ้งถึง 2 ตำเเหน่ง เเต่จังหวะสุดท้ายคริส กันเทอร์สกัดบอลออกไปได้
นาทีที่ 18 เอดิน อาซาร์ดถูกคริส กันเทอร์สกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ ลี เมสันผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษทันที เเละจังหวะสุดท้ายแฟร้งค์ แลมพาร์ดรับหน้าที่สังหารเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้ เชลซี ขึ้นนำ เร้ดดิ้ง ก่อน 1:0
นาทีที่ 24 แกเร็ธ แม็คเคลียรี่เปิดบอลจากด้านฝั่งขวา เข้าไปให้กับพาเวล โพแกร็บเนี้ยคสอดเข้ามาโขกบอลผ่านมือปีเตอร์ เช็กเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้ เร้ดดิ้ง ตามตีเสมอ เชลซี 1:1
นาทีที่ 29 เร้ดดิ้ง ได้ประตูขึ้นนำ เชลซี 2:1 เมื่อแดนนี่ กัทธรียิงลูกฟรีคิกด้านฝั่งซ้าย ปีเตอร์ เช็กกะจังหวะผิดพลาดทำให้บอลปลิ้นเข้าประตูไป
นาทีที่ 35 ฆวน มาต้าเปิดลูกฟรีคิกด้านฝั่งซ้าย ให้จอห์น เทอร์รี่ได้โหม่งบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 39 จอน โอบี มิเกลตวัดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้าย เข้ากลางมาให้กับเอดิน อาซาร์ดได้สัปไกลยิง เเต่บอลโด่งข้ามคานออกไป
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 2 เอดิน อาซาร์ดเปิดบอลจากด้านฝั่งขวา เข้ามาให้กับเฟอร์นานโด ตอร์เรสได้โขก เเต่บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
เร้ดดิ้ง ทีมเยือนเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง โดยจะบุกจากขวาไปซ้าย
นาทีที่ 47 เอดิน อาซาร์ดจ่ายบอลทะลุช่อง ให้เฟอร์นานโด ตอร์เรส หลุดขึ้นมาด้านฝั่งขวา ก่อนจะตวัดคืนหลังให้บรานิสลาฟ อิวโนวิชเติมขึ้นมายิง เเต่บอลเหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 61 เอดิน อาซาร์ดจ่ายบอลจากด้านฝั่งซ้าย เข้ากลางมาให้กับออสการ์ได้โอกาสยิงจังหวะเเรก เเต่อดัม เฟเดริซี่พุ่งรับเอาไว้ได้
นาทีที่ 66 บรานิสลาฟ อิวโนวิชจ่ายบอลจากด้านฝั่งขวาเข้ามากลางประตู เเนวรับเร้ดดิ้งสกัดไม่ขาด ทำให้บอลมาเข้าทางเอดิน อาซาร์ดได้ยิงด้วยซ้าย เเต่อเล็กซ์ เพียร์ซพุ่งบล็อกเอาไว้ได้
นาทีที่ 69 เชลซี ได้ประตูตามตีเสมอ เร้ดดิ้ง เป็น 2:2 เมื่อแกรี่ เคฮิลล์ได้โอกาสยิงไกลจากเเถวสอง อดัม เฟเดริซี่ทุบบอลไม่ออก ทำให้บอลกลิ้งเข้าประตูไป
นาทีที่ 79 บรานิสลาฟ อิวโนวิชเปิดบอลติดเเนวรับเร้ดดิ้งด้านฝั่งขวา ก่อนบอลจะมาเข้าทางฆวน มาต้าได้ยิงด้วยเท้าขวาบอลหลุดเสาสองออกไป
นาทีที่ 82 ฆวน มาต้าไหลบอลไปให้แอชลี่ย์ โคลเติมเกมรุกขึ้นมาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดเข้ากลางให้เฟอร์นานโด ตอร์เรสบรรจงเเปโล่งๆเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้ เชลซี พลิกขึ้นนำ 3:2
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 จากจังหวะที่เร้ดดิ้ง ได้ลูกเตะมุม อดัม เฟเดริซี่ นายทวารฝั่งทีมเยือนดันขึ้นมาสูง เฟอร์นานโด ตอร์เรสสกัดบอลได้ เเล้วไหลบอลให้เอดิน อาซาร์ดกระชากบอลกว่าครึ่งสนามขึ้นมาด้านฝั่งขวา ก่อนจะจ่ายให้บรานิสลาฟ อิวโนวิชเเปบอลโล่งๆเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูปิดท้ายให้ เชลซี เอาชนะ เร้ดดิ้ง ด้วยสกอร์ 4:2
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เชลซี ระบบ 4-2-3-1 :
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวโนวิช,แกรี่ เคฮิลล์,จอห์น เทอร์รี่,แอชลี่ย์ โคล
กองก ลาง : แฟร้งค์ แลมพาร์ด,จอน โอบี มิเกล(ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.68) - รามิเรส(ออสการ์ น.57),ฆวน มาต้า( ราอูล เมยเรเลส น.83),เอดิน อาซาร์ด
กองหน้า : เฟอร์นานโด ตอร์เรส
เร้ดดิ้ง ระบบ 4-4-2 :
ผู้รักษาประตู : อดัม เฟเดริซี่
กองหลัง : คริส กันเทอร์,อเล็กซ์ เพียร์ซ,คาสปาร์ส กอร์คส์(เลอ ฟอนเดร น.71), ,เอียน ฮาร์ท
กองกลาง : โจบี้ แม็คอนัฟฟ์,มิเคเล่ ไลเกิร์ตวู้ด,แดนนี่ กัทธรี,แดนนี่ กูแธร์
กองหน้า : พาเวล โพแกร็บเนี้ยค(ฮันท์ น.78) ,แกเร็ธ แม็คเคลียรี่(ร็อบสัน-คานู น.86,)

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match วีแกน 0-2 เชลซี

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match วีแกน 0-2 เชลซี


ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match วีแกน 0-2 เชลซี

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วีแกน 0 - 2 เชลซี


วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555
สนาม : ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม

ผู้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์



การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ประจำวันอาทิตย์ ที่ 19 สิงหาคม 2555 "เดอะ ลาติกส์" วีแกน แอธเลติก เปิด ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โดยเกมนี้เป็นเกมนัดเปิดสนามของทั้ง 2 ทีมด้วย

เริ่มเกมเป็นทาง วีแกน ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน บุกจากขวาไปซ้าย เเละเกมเริ่มไปได้เเค่ 2 นาที เป็นทางฝั่งทีมเยือน "สิงห์บลูส์" มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจากการเล่นเกมสวนกลับ
ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เอแดน อาซาร์ จะจ่ายให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงบอลยัดเสาแรกผ่านตัว อาลี อัล ฮับซี่ ผู้รักษาประตูของ วีแกน เข้าไปอย่างสวยงาม ให้ เชลซี บุกมานำ 1-0

น.7 เชลซี มาได้ลูกที่ 2 ทันควัน เมื่อ อิบัน รามิส ไปสกัด เอแดน อาซาร์ ล้มลงในเขตโทษ ไมค์ โจนส์ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษทันที เเละ แฟร้งค์ แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ให้ทีมเยือนนำห่างเป็น 2-0

น.19 วีแกน เกือบได้ประตูตีไข่แตก เมื่อ เอ็มเมอร์สัน บอยซ์ พาบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนเปิดเข้าไปในเขตโทษบอลเลยมาที่เสาสอง ฟรังโก้ ดิ ซานโต ขึ้นโขกเต็มหัว เเต่บอลโด่งข้ามคานออกไป

เกมผ่านมา ครึ่งชั่วโมง หลังได้ประตูนำสองลูก เชลซี ดูผ่อนเกมรุกลงไป ทำให้ วีแกน เปิดเกมบุกได้มากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดความเฉียบขาด สำหรับทีมเจ้าบ้าน

น.38 วีแกน มาได้โอกาสลุ้นจาก วิคเตอร์ โมเซส พาบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาถึงกรอบเขตโทษ ก่อนซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้ากรอบ เเต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังไวปัดทิ้งออกหลังไป

น.43 เจ้าบ้าน "เดอะ ลาติกส์" ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ วิคเตอร์ โมเซส พาบอลตะลุยขึ้นมาทางขวา ก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตูบอลพุ่งแรงแบบได้ลุ้น แต่เพื่อนร่วมทีมไม่มีใครวิ่งเข้ามาชาร์ตบอลได้ทัน ทำให้บอลออกข้างไป

ช่วง ทดเจ็บของครึ่งแรก วีแกน พลาดโอกาสได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อ ฟรังโก้ ดิ ซานโต ได้บอลหลุดเดี่ยวไปดวลกับ ปีเตอร์ เช็ก ในกรอบเขตโทษ แต่ยิงไม่ผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ก่อน ดาวิด ลุยซ์ จะเคลียร์ทิ้งไปได้

ก่อนหมดเวลา วีแกน ได้ฟรีคิก แต่ ฌอน มาโลนี่ย์ ก็ยิงไปเข้ามือ  ปีเตอร์ เช็ก อีก หมดครึ่งแรก เชลซี บุกนำ วีแกน อยู่ 2-0

เริ่ม เกมในครึ่งหลังมาในนาทีที่ 53 เชลซี เกือบได้ลูกที่สาม จากจังหวะที่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เปิดบอลจากกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปติดเเนวรับ วีเเกน ก่อนบอลมาเข้าทาง แอชลี่ย์ โคล ได้ยิงโล่งๆ จากเเถวสอง เเต่บอลหลุดออกนอกกรอบไป

น.60 วีแกน ได้ลุ้นบ้างเมื่อ เจมส์ แม็คคาร์ธี่ วางบอลยาวมาจากกลางสนามไปให้ ฟรังโก้ ดิ ซานโต ที่อยู่ทางซ้ายของกรอบเขตโทษเอาบอลลงแล้วซัดด้วยซ้าย เเต่ไม่เข้ากรอบ

น.63 เชลซี พลาดได้ลูกที่สามอย่างน่าเสียดาย เมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเข้าไปดีดบอลผ่าน อาลี อัล ฮับซี่ ไปแล้ว แต่ก่อนบอลจะผ่านข้ามเส้นประตู อิบัน รามิส วิ่งมาสกัดทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด

น.68 "สิงห์บลูส์" ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งชงให้กับ ออสการ์ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงสนามมา โชว์ความเร็วกระชากบอลขึ้นไปด้านขวา ก่อนจะยิงบอลพุ่งเรียดเฉียดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย

น.74 วีแกน มาได้โอกาสบ้างจากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ ฆอร์ดี้ โกเมซ รับอาสายิงบอลโค้งข้ามกำแพง เเต่ยังไปเข้ามือ ปีเตอร์ เช็ก รับเข้าซอง

น.85 วีแกน พลาดการได้ประตูตีไข่แตกไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อ วิคเตอร์ โมเซส พาบอลลากเลื้อยขึ้นมาจนถึงเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายยัดเข้ากลางให้ อารูน่า โคเน่ ชาร์ตเผาขนที่เสาแรก บอลไปตรงตัว ปีเตอร์ เช็ก ปัดทิ้งไปเข้าทาง ฆอร์ดี้ โกเมซ กระโดดยิงจักรยานอากาศหน้าปากประตู เเต่บอลหลุดเสาออกหลังไป

หลัง จากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้เพิ่มเติม จบเกม เชลซี ประเดิมสนาม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2012-2013 ด้วยการเก็บ 3 แต้มเต็ม จากการบุกไปเอาชนะ วีแกน 2-0

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
วีแกน : อาลี อัล ฮับซี่ (ผู้รักษาประตู) - เอ็มเมอร์สัน บอยซ์, อันโตลิน อัลการาซ, แกรี่ คัลด์เวลล์, อิบัน รามิส - เจมส์ แม็คคาร์ธี่, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ (เบน วัตสัน น.80) - วิคเตอร์ โมเซส, ฌอน มาโลนี่ย์ (ฆอร์ดี้ โกเมซ น.48), มายนอร์ ฟิเกรัว - ฟรังโก้ ดิ ซานโต (อารูน่า โคเน่ น.67)

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก (ผู้รักษาประตู) - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - ไรอัน เบอร์ทรานด์, ฆวน มาต้า (ราอูล เมยเรเลส น.82), เอแดน อาซาร์ (ออสการ์ น.64) - เฟร์นานโด ตอร์เรส
ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match แมนซิตี้ 3-2 เซาแธมป์ตัน

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match แมนซิตี้ 3-2 เซาแธมป์ตัน


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แมนฯซิตี้ 3 - 2 เซาธ์แฮมป์ตัน


วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555
สนาม : เอติฮัต สเตเดี้ยม

ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์


การเเข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2012/2013 ประจำวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555 ที่สนามเอติฮัต สเตเดี้ยม เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าจากฤดูกาลที่แล้ว ต้อนรับการมาเยือนของ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมน้องใหม่จากเดอะ แชมเปี้ยนส์ ชิพ

เริ่ม เกมมาได้เพียง 8 นาที เจ้าถิ่นต้องเสีย เซร์จิโอ อเกวโร่ ที่ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวาจากจังหวะที่โดน นาธาเนียล ไคล์น แบ็กขวาทีมเยือนสกัด เจ้าตัวล้มผิดจังหวะจนเข่ารับน้ำหนักไม่ไหว ทำให้ต้องไปปฐมพยาบาลข้างสนาม แต่สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวต้องขึ้นเปลออกจากสนาม ทำให้ทีมต้องส่ง เอดิน เชโก้ ลงสนามไปทำประตูแทน

น.17 "เรือใบสีฟ้า" พลาดโอกาสออกนำแบบน่าเสียดาย หลังได้จุดโทษจากการที่ คาร์ลอส เตเวซ ถูก ยอส ฮุยเฟลด์ ดึงล้มลงในจังหวะจะพลิกตัวหนี โดยเป็น ดาบิด ซิลบา รับหน้าที่ซัดไปทางขวา แต่ไปถูก เคลวิน เดวิส นายทวารทีมเยือนเซฟไว้ได้ เจ้าถิ่นอดขึ้นนำก่อน

น.40 ในที่สุดแฟนเจ้าถิ่นก็ได้เฮเสียที เมื่อ ซามีร์ นาสรี่ ชิพบอลข้ามไปให้ เตเวซ ที่ยืนก้ำกึ่งแนวรับทีมเยือนหลุดเข้าเขตโทษไปทางเสาแรก ก่อนเจ้าตัวจะแปบอลเข้าประตูไปให้ทีมขึ้นนำสำเร็จ 1-0

ช่วงท้ายครึ่งแรกทดเจ็บ 4 นาที ซิตี้ มีลุ้นได้ประตูที่สองหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังพลาดไปหมด หมดเวลาสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

มา เตะกันต่อในครึ่งหลังได้ 4 นาที เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่สองเมื่อ นาสรี่ เลี้ยงบอลมาจากเส้นหลัง ก่อนจะส่งบอลไปหน้าประตู บอลไปถึง เชโก้ เข้าชาร์จแต่ก็ไปเข้ามือ เคลวิน เดวิส อีกครั้ง อีกสองนาทีต่อมาทีมยังชวดได้ประตูอีก คราวนี้ ยาย่า ตูเร่ ส่งบอลไปทางเสาสองให้ กาแอล กลิชี่ เข้าชาร์จจ่อๆ แต่ก็เหินข้ามคานไปแบบไม่น่าเชื่อ

น.54 "เรือใบสีฟ้า" ยังไม่ได้ประตูต่อไป หนนี้ นาสรี่ ส่งบอลไปให้ ซิลบา ได้จังหวะซัดวอลเล่ย์ด้วยซ้ายโล่งๆ แต่บอลก็พุ่งไปชนคานกระดอนออกหลังไป เจ้าถิ่นยังบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้

เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เซาธ์แฮมป์ตัน ริคกี้ แลมเบิร์ต ลงไปแทน เจย์ โรดริเกซ

น.59 หลังจากโดนบุกอยู่นานในที่สุด เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มาได้ประตูคืนบ้าง จากจังหวะที่บอลขลุกขลิกในเขตโทษ และเป็น ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาอาศัยจังหวะได้ซัดด้วยขวาบอลเลี้ยวผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1

จากนั้นก็ใบเหลืองแรก ของเกม โดยเป็น แดเนี่ยล ฟ็อกซ์ ของทีมเยือนรับไปเป็นคนแรก และต่อมาทีมก็เปลี่ยนตัวคนที่สองถอด เจมี่ วอร์ด-เพราส์ ออกส่ง สตีเว่น เดวิส ลงสนาม

น.67 แล้วกลายเป็นแฟนเจ้าถิ่นต้องช็อกทั้งสนาม เมื่อ แจ๊ค ร็อดเวลล์ พลาดโดนแย่งบอลจากหน้าประตูทีมเยือน ก่อนที่ทีมจะเล่นสวนกลับเร็วเข้าแดนของซิตี้ และเป็น สตีเว่น เดวิส ที่เพิ่งลงสนามได้ไม่นาน ซัดบอลลอดขา กลิชี่ ผ่านมือ ฮาร์ท เข้าประตูไป "นักบุญ" พลิกนำ 2-1

เจ้าถิ่นทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอา มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงสนาม โดยคนที่โดนถอดเป็น ซิลบา ที่เกมนี้พลาดโอกาสทำประตูไปหลายจังหวะ

น.72 "เรือใบสีฟ้า" ไม่ยอมแพ้มาตามตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ แว็งซองต์ ก็องปานี ได้ซัดด้วยซ้ายบอลไปติด บาโลเตลลี่ กระดอนออกไปทางซ้ายเข้าทาง เชโก้ ที่ยืนว่างอยู่วิ่งมาซัดด้วยขวาเข้าประตู สกอร์เท่ากัน 2-2

พอตีเสมอ ได้เหมือนได้ใจ "ซิตี้" เกือบกลับมานำอีกครั้งจากจังหวะที่ ยาย่า วิ่งลุยมาจากกลางสนามก่อนจะไหลให้ นาสรี่ ที่เติมมาทางขวาในเขตโทษโยนบอลไปทางเสาสอง แต่ บาโลเตลลี่ กลับซัดเข้าข้างตาข่ายแบบไม่น่าเชื่อ

น.80 แล้วในที่สุดแฟนซิตี้ก็ได้เฮกันทั้งสนาม เมื่อ กลิชี่ วิ่งเติมเกมมาจากทางซ้ายก่อนจะโยนบอลไปหน้าประตูไปถูกกองหลังเซาธ์แฮมป์ตัน โหม่งสกัดมาเข้าทาง นาสรี่ ที่ยืนตรงกลางประตูโล่งๆ วอลเล่ยด้วยขวาบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม "เรือใบสีฟ้า" แซงนำ 3-2 ซึ่งหลังจากนั้น นาสรี่ ก็มาโดนใบเหลืองหลังไปถอดเสื้อในจังหวะดีใจหลังทำประตูได้

ขณะที่ ทีมเยือนเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง บิลลี่ ชาร์ป ลงไปแทน เจสัน พันเชี่ยน ส่วนเจ้าถิ่นก็เปลี่ยนเช่นกันถอด เตเวซ ออกส่ง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงไปเล่นแทน

ช่วงทดเจ็บท้ายเกมไม่มีจังหวะอะไรให้ลุ้นเพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายพลิกเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปได้สุดมันส์ 3-2 เก็บ 3 คะแนน ประเดิมฤดูกาลใหม่ไปได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) : โจ ฮาร์ท - พาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซองต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ - ซามีร์ นาสรี่, แจ๊ค ร็อดเวลล์, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา (มาริโอ บาโลเตลลี่ น.71) - คาร์ลอส เตเวซ (อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ น.87), เซร์จิโอ อเกวโร่ (เอดิน เชโก้ น.14)

เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) :
เคลวิ น เดวิส - นาธาเนียล ไคล์น, โชเซ่ ฟอนเต้, ยอส ฮุยเฟลด์, แดเนี่ยล ฟ็อกซ์ - เจมี่ วอร์ด-เพราส์ (สตีเว่น เดวิส น.65), มอร์ก็อง ชนีแดร์แล็ง, อดัม ลัลลาน่า, เจสัน พันเชี่ยน (บิลลี่ ชาร์ป น.85) - เจย์ โรดริเกซ (ริคกี้ แลมเบิร์ต น.55), กูลี่ โด ปราโด้

วิเคราะห์บอล เอฟเวอร์ตัน - แมนฯยู

วิเคราะห์บอล เอฟเวอร์ตัน - แมนฯยูลีก : พรีเมียร์ชิพ (Premier League) วันที่ : วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2555 เวลา : 02:00
วิเคราะห์บอล เอฟเวอร์ตัน - แมนฯยู
เอฟเวอร์ตัน
6 นัดหลังสุด : ชนะ 2 แพ้ 2 เสมอ 2 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 6 ลูก
บ้าน
6 นัด : ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงประตู 12 ลูก เสียประตู 4 ลูก
เยือน 6 นัด : ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 7 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(4-4-2) : ทิม ฮาวเวิร์ด - โทนี่ ฮิบเบิร์ต, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, ฟิล จากีลก้า, เลห์ตัน เบนส์ - ลีออน ออสแมน, ฟิล เนวิลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, สตีเว่น พีนาร์ -  สตีเว่น เนย์สมิธ, นิกิช่า เยลาวิช
แมนฯยู
6 นัดหลังสุด : ชนะ 3 แพ้ 0 เสมอ 3 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 4 ลูก
บ้าน 0 นัด : ชนะ 0 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงประตู 0 ลูก เสียประตู 0 ลูก
เยือน 6 นัด : ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 4 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(4-4-2) : ดา บิด เด เคอา - ราฟาเอล ดา ซิลวา, ไมเคิ่ล คาร์ริค, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - นานี่, พอล สโคลส์(ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์), ชินจิ คางาวะ, แอชลี่ย์ ยัง - เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค(โรบิน ฟาน เพอร์ซี่)
วิเคราะห์บอลก่อนแข่ง
ทั้ง สองทีมสมบูรณ์เต็มที่ และดูเหมือนปีศาจแดงจะคึกคักสุดๆ เมื่อได้ ฟาน เพอร์ซี่ เข้ามาเติม นอกจากนี้สถิติในการเล่นเกมแรกก็ดีมาก เมื่อไม่เคยแพ้เลยตั้งแต่ปี 2004 ผิดกับเอฟเวอร์ตัน ที่ชนะ เร้ด อาร์มี่ แค่นัดเดียวจากการพบกันในลีกสูงสุด 14 หนหลัง แม้อาจหืดจับหน่อย ทว่าเด็กๆ ของเฟอร์กี้ยังมีลูกฉาบฉวยพอที่จะกลับบ้านด้วยสามแต้ม

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์บอล แมนฯซิตี้ - เซาท์แธมป์ตัน

วิเคราะห์บอล แมนฯซิตี้ - เซาท์แธมป์ตันลีก : พรีเมียร์ชิพ (Premier League) วันที่ : วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555 เวลา : 22:00
วิเคราะห์บอล แมนฯซิตี้ - เซาท์แธมป์ตัน
แมนฯซิตี้
6 นัดหลังสุด : ชนะ 6 แพ้ 0 เสมอ 0 ยิงประตู 16 ลูก เสียประตู 3 ลูก
บ้าน
5 นัด : ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 6 ลูก
เยือน 4 นัด : ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงประตู 11 ลูก เสียประตู 1 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(4-2-3-1) : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เด ยองก์ - ซามีร์ นาสรี่, คาร์ลอส เตเวซ, ดาบิด ซิลบา - เซร์คิโอ อเกวโร่   
เซาท์แธมป์ตัน
6 นัดหลังสุด : ชนะ 3 แพ้ 2 เสมอ 1 ยิงประตู 8 ลูก เสียประตู 7 ลูก
บ้าน 4 นัด : ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 3 ยิงประตู 4 ลูก เสียประตู 8 ลูก
เยือน 5 นัด : ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงประตู 9 ลูก เสียประตู 4 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(4-4-2) : เคลวิน เดวิส - เนธาเนียล ไคลน์, โชเซ่ ฟอนเต้, ยอส ฮอยเฟลด์, แดนนี่ ฟ็อกซ์ - มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน, สตีเว่น เดวิส, อดัม ลัลลาน่า, เจสัน พันเชี่ยน - ริคกี้ แลมเบิร์ต, เจย์ โรดริเกซ

วิเคราะห์บอลก่อนแข่ง
แมนฯ ซิตี้ พร้อมกว่าจากฟอร์มในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แสดงให้เห็นแล้วว่านักเตะมีความยืดหยุ่นสูงหลังมีการเปลี่ยนระบบการเล่นชั่ว คราว ขณะที่ เตเวซ กำลังมั่นใจ แนวรุกน่ากลัวมาก มีหวังน้องใหม่โดนจัดหนักแน่

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เวสต์บรอมวิช 3-0 ลิเวอร์พูล

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match  เวสต์บรอมวิช 3-0 ลิเวอร์พูล


ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match  เวสต์บรอมวิช 3-0 ลิเวอร์พูล

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เวสต์บรอมวิชฯ 3 - 0 ลิเวอร์พูล


วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555
สนาม : เดอะ ฮอว์ธอร์นส์

ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยกพลบุกไปเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
โดนเกมนี้เจ้าถิ่นวาง ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ และ เชน ลอง เป็น 2 ประสานในแดนหน้า
ส่วนลิเวอร์พูล ส่ง โจ อัลเล่น นักเตะใหม่ลงประเดิมสนามในทันที โดยมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นจอมทัพ ขณะที่คู่หัวหอกเป็น หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่กับ ฟาบิโอ บอรินี่
เริ่มเกมนาทีที่ 2 เจ้าถิ่น ได้โอกาสก่อน เมื่อ เลียม ริดจ์เวลล์ แบ็กซ้ายเติมเกมสูง ก่อนหลุดเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แล้ววบรรจงดีดด้วยซ้าย บอลลอยหลุดกรอบ ออกหลังไปแบบมีลุ้น
นาทีที่ 8 ลิเวอร์พูล เกือบเสียประตู เมื่อ ลูคัส เลว่าโดน เชน เชน ลอง ฉกบอลไปได้ ก่อนกระดกด้วยขวาแต่บอลข้ามคานออกหลังไป
ถัดมานาทีเดียว "หงส์แดง" ได้ลุ้นเป็นครั้งแรก หลุยส์ ซัวเรซ โยกหลบแนวรับของเจ้าบ้าน ก่อนกดด้วยขวาเต็มหลังเท้า แต่ เบน ฟอสเตอร์ ไม่พลาด พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด
นาที 25 หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่คราวนี้ดาวยิงอุรุกวัย ซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งหลุดเสาแรกออกหลังไป
นาที 29 เวสต์บรอมวิช ได้ลุ้นบ้าง เชน ลอง โยนจากริมเส้นมาให้ โยนัล โอลส์สัน เซ็นเตอร์ร่างยักษ์ที่ดันขึ้นสูงมาโขกเต็มศรีษะ แต่บอลเหินโด่งออกหลังไป
ถัดมาอีกนาทีเดียว ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทอง เมื่อ เกล็น จอห์นสัน ลากบอลไปถึงเส้นหลัง ก่อนเปิดมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ ขึ้นโขกแบบเหน่งๆ คนเดียว แต่ดาวยิง"หงส์แดง" กลับโหม่งบอลข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงนาที 43 กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮลั่น เมื่อได้ลูกเตะมุม และบอกกระดอนมาเข้าทาง โซลตัน เกร่า พักอกหนึ่งจังหวะ ก่อนเอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยขวา บอลพุ่งลอยเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปอย่างสุดสวย พร้อมกับส่งให้เจ้าบ้าน ขึ้นนำก่อน 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล โหมบุกใส่เจ้าถิ่นอย่างหนัก แต่นาที 58 โดน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน สวนกลับเร็ว
และมาเสียจุดโทษ จากจังกวะที่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ไปกระแทก เชน ลอง ล้มในเขตโทษ และ ฟิล ดาวด์ ควักใบเหลือง ที่สองให้ แอ็กเกอร์ เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
แต่ เชน ลอง กลับยิงจุดโทษเบาเป็นปุยนุ่น ทำให้ โฆเซ่ เรน่า ล้มตัวรับไว้ได้แบบสบายๆ ทำให้สกอร์ยังอยู่ที่ 0-1 เหมือนเดิม
จากนั้นนาที 62 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนทมาได้จุดโทษเป็นครั้งที่ 2 จากจังหวะที่ มาร์ติน สเคอร์เทล ออกบอลช้าเลยโดน เชน ลอง ชกบอลตัดหน้า และ สเคอร์เทล ไปสะกิดขาหลัง เชน ลอง ล้มลง ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที
และคราวนี้ ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด เจ้าถิ่น นำห่างเป็น 2-0
นาที 67 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสได้ประตูอีกครั้ง โจ อัลเล่น เตะมุมมาที่ปากประตู เบน ฟอสเตอร์ นายทวารเจ้าบ้านรับบอลหลุดมือ บอลตกมาเข้าทางปืน หลุยส์ ซัวเรซ ยิงระยะไม่กี่หลาข้ามคานออกหลังไปแบบไม่น่าเชื่อ
นาที 72 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน โต้กลับเร็ว โรเมลู ลูกาคู ตัวสำรองที่ยืมมาจากเชลซี พลิกหลบแนวรับของทีมหงส์แดง ก่อนหลุดไปเปิดถวายพานให้ เจมส์ มอร์ริสัน วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ แต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบหวุดหวิด
นาที 77 กองเชียร์เจ้าถิ่นไดเฮอีกครั้ง เลียม ริดจ์เวลล์ เปิดบอลให้ โรเมลู ลูกาคู เทคตัวขึ้นโขกโล่งไม่เหลือซาก เวสต์บรอมวิช หนีห่าง ลิเวอร์พูล 3-0
จบ 90 นาที เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 3-0 ประเดิมสามแต้มแรกได้อย่างสวยงาม ส่วนลิเวอร์พูล ยังไม่ชนะในเกมแรกของฤดูกาล เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันเข้าให้แล้ว
----------------------------------------------------------
รายชื่อ 11 ผู้เล่นของทั้งสองทีมในเกมนี้

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน : เบน ฟอสเตอร์ - สตีเว่น รีด, แกเร็ธ แม็คออลี่ย์, โยนัล โอลส์สัน, เลียม ริดจ์เวลล์ - ยัสซีน เอล กานาสซี่, ยุสซุฟ มูลุมบู, เจมส์ มอร์ริสัน, โซลตัน เกร่า - ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, เชน ลอง

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน - โจ อัลเล่น, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลว่า ,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง- หลุยส์ ซัวเรซ, ฟาบิโอ บอรินี่

สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ประจำวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555
- อาร์เซน่อล เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 0-0
- ฟูแล่ม ชนะ นอริช ซิตี้ 5-0
- ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส แพ้ สวอนซี 0-5
- เร้ดดิ้ง เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1
- เวสต์บรอมวิช ชนะ ลิเวอร์พูล 3-0
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0

วิเคราะห์บอล วีแกน - เชลซี

วิเคราะห์บอล วีแกน - เชลซีลีก : พรีเมียร์ชิพ (Premier League)
วันที่ :
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555

เวลา :
19:30

วิเคราะห์บอล วีแกน - เชลซี
วีแกน
6 นัดหลังสุด : ชนะ 2 แพ้ 2 เสมอ 2 ยิงประตู 7 ลูก เสียประตู 8 ลูก
บ้าน
3 นัด : ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงประตู 3 ลูก เสียประตู 5 ลูก
เยือน 3 นัด : ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 2 ยิงประตู 2 ลูก เสียประตู 3 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(5-4-1) : อาลี อัล ฮับซี่ - เอ็มเมอร์สัน บอยซ์, อิบัน รามิส, แกรี่ คัลด์เวลล์, มายนอร์ ฟิเกรัว, ฌอง โบเซอฌูร์ - วิคเตอร์ โมเซส, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, ฌอน มาโลนี่ย์, เรียว มิยาอิชิ - ฟรังโก้ ดิ ซานโต้
เชลซี
6 นัดหลังสุด : ชนะ 1 แพ้ 4 เสมอ 1 ยิงประตู 10 ลูก เสียประตู 13 ลูก
บ้าน 4 นัด : ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงประตู 11 ลูก เสียประตู 4 ลูก
เยือน 6 นัด : ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 4 ยิงประตู 11 ลูก เสียประตู 3 ลูก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
(4-2-3-1) : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอน โอบี มิเกล - รามิเรส, ฆวน มาต้า, เอแด็น อาซาร์ - เฟร์นานโด ตอร์เรส

วิเคราะห์บอลก่อนแข่ง

ระยะหลัง วีแกน พัฒนาขึ้นมามาก โดยเฉพาะ 3 เกมหลังพวกเขาพ่ายเชลซีแค่เกมเดียวเท่านั้น ฟอร์มก่อนปิดฤดูกาลที่แล้วก็สุดยอดเพียงแต่จะรักษาความต่อเนื่องได้หรือไม่ ยังต้องจับตา ขณะที่สภาพร่างกายนักเตะเชลซีดูจะยังไม่เต็มร้อยจากที่เห็นในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แต่สิงห์บลูส์ก็มีสถิติที่ดีมากในการเล่นเกมแรกของฤดูกาล ตัวผู้เล่นก็ยังดูเหนือกว่า ซื้อมาตรฐานทีมเยือน หากชนะวีแกนไม่ได้ ปีนี้ก็ลุ้นแชมป์ลำบากแน่

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์บอล เวสต์บรอมวิช - ลิเวอร์พูล

วิเคราะห์บอล เวสต์บรอมวิช - ลิเวอร์พูลลีก : พรีเมียร์ชิพ (Premier League) วันที่ : วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555 เวลา : 21:00
วิเคราะห์บอล เวสต์บรอมวิช - ลิเวอร์พูล
เวสต์บรอมวิช
6 นัดหลังสุด : ชนะ 3 แพ้ 2 เสมอ 1 ยิงประตู 8 ลูก เสียประตู 3 ลูก
บ้าน
2 นัด : ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 1 ยิงประตู 5 ลูก เสียประตู 4 ลูก
เยือน 6 นัด : ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงประตู 8 ลูก เสียประตู 3 ลูก
ลิเวอร์พูล
6 นัดหลังสุด : ชนะ 3 แพ้ 1 เสมอ 2 ยิงประตู 9 ลูก เสียประตู 4 ลูก
บ้าน 6 นัด : ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 1 ยิงประตู 17 ลูก เสียประตู 6 ลูก
เยือน 5 นัด : ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 1 ยิงประตู 4 ลูก เสียประตู 4 ลูก

วิเคราะห์บอลก่อนแข่ง

เวสต์ บรอมวิชโชว์ฟอร์มเก่งออกมา 2 นัดให้เห็นกันก่อนเปิดลีกแล้ว ฟอร์มการเล่น 6 นัดหลังสุดก็ใช่ได้เลยทีเดียวฟอร์มการเล่นในบ้านยังไม่สม่ำเสมอเท่าไร ส่วนทีมเยือนลิเวอร์พูลไม่น้อยหน้าเช่นกันโชว์ฟอร์มเก่งก่อนเปิดลีก 3 นัดติดยิงไปเยอะมากมายเลยทีเดียว ถึงฟอร์มการเล่นนอกบ้าน 5 นัดหลังสุดส่วนใหญ่จะเน้นไปทางเสมอแต่อย่างที่บอกฟอร์มล่าสุดทำให้เห็นแล้ว ว่าวันนี้คงจัดให้เจ้าบ้านไปอีกดอกแน่นอนครับพี่น้อง

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โอ้ว!ผีสูญเงิน73ล้านป.เพื่ออาร์วีพี

โอ้ว!ผีสูญเงิน73ล้านป.เพื่ออาร์วีพี

แพงโคตรๆ! สื่อดังแฉ ''ปีศาจแดง'' สูญเงินถึง 73 ล้านปอนด์ แลกกับลายเซ็น ฟาน เพอร์ซีย์ แบ่งเป็นค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ค่าจ้างตลอดสัญญา 4 ปี อีก 48.9 ล้านปอนด์

"โกล์ดอทคอม" เว็บไซต์ฟุตบอลชื่อดังรายงานข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องสูญเงินจำนวนมหาศาลราว 73 ล้านปอนด์ (3,650 ล้านบาท)

กับการเซ็นสัญญาคว้าตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ หัวหอกทีมชาติฮอลแลนด์ของ อาร์เซนอล คู่แข่งร่วมลีก

"ปีศาจ แดง" จ่ายเงินค่าตัวของ "อาร์วีพี" ให้กับ "ไอ้ปืนใหญ่" 24 ล้านปอนด์ (1,200 ล้านบาท) พร้อมค่าเหนื่อย 235,000 ต่อสัปดาห์ (11.75 ล้านบาท) หรือ 12.2 ล้านปอนด์ต่อซีซั่น (610 ล้านบาท)

 ซึ่งหมายความว่า ดาวยิงวัย 29 ปี จะฟันค่าจ้างแพงระยับที่จำนวน 48.9 ล้านปอนด์ (2,445 ล้านบาท) ตลอดระยะสัญญา 4 ปีเลยทีเดียว

สื่อแฉ!ผีส่งชิชาแลกตัวฟาน เพอร์ซี

สื่อแฉ!ผีส่งชิชาแลกตัวฟาน เพอร์ซี

เดลี่ มิร์เรอร์ สื่อบนเกาะอังกฤษ แฉผีเตรียมส่งชิชาริโต้ ย้ายไปปืนใหญ่ หลังส่อแววเป็นตัวสำรองอดทนของเฟอร์กี้
ตกที่นั่งลำบากเสียแล้วสำหรับ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ "ชิชาริโต้" เมื่อทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจส่งตัวไปให้ทีม"ปืนใหญ่"อาร์เซนอล ใช้งานหลังได้ตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เดลี่ มิร์เรอร์ ระบุว่า "เจ้าถั่วน้อย"รู้สึกไม่ค่อยดีนักกับการย้ายมาร่วมทีมปีศาจแดงของ ฟาน เพอร์ซี เพราะต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆในตำแหน่งกองหน้า รองจาก เวย์น รูนีย์,โรบิน ฟาน เพอร์ซี และแดนนี่ เวลเบ็ค

เสร็จผี!ฟาน เพอร์ซี่ ตรวจร่างกายฉลุย รอแค่ชูเสื้อเท่านั้น!

เสร็จผี!ฟาน เพอร์ซี่ ตรวจร่างกายฉลุย รอแค่ชูเสื้อเท่านั้น!

เสร็จผี!ฟาน เพอร์ซี่ ตรวจร่างกายฉลุย รอแค่ชูเสื้อเท่านั้น!
สาวกปีศาจแดงได้เฮดังๆเมื่อ ฟาน เพอร์ซี ผ่านการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมเปิดตัวกับสโมสรอย่างเป็นทางการ
แฟนๆทีมปีศาจแดงเตรียมรอต้อนรับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ผู้เล่นใหม่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังตรวจร่างกายผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมตัวที่จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายของวันนี้(17 ส.ค)ตามเวลาประเทศไทย
โรบิน ฟาน เพอร์ซี ตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรที่อยากคว้าตัวมาร่วมทีม แต่สุดท้ายตกลงมาสวมเครื่องแบบปีศาจแดง ด้วยค่าตัวประมาณ 24 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 4 ปี รับค่าเหนื่อยประมาณ 230,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ถือเป็นนักเตะแมนฯยูฯที่ได้รับค่าเหนื่อยแพงเป็นอันดับ 2 รองจาก เวย์น รูนีย์ เท่านั้น
สำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ของ ฟาน เพอร์ซี่ ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะของ อาร์เซนอล คนแรกในรอบ 25 ปี ที่ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยผู้เล่นคนสุดท้ายที่ย้ายมาจากปืนใหญ่เข้าสู่ทีมปีศาจแดง คือ วิฟ แอนเดอร์สัน ในปี 1987

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match อังกฤษ 2-1 อิตาลี


ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match อังกฤษ 2-1 อิตาลี

"สิงโตคำราม" พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง แซงกลับมาเอาชนะ "อัซซูรี่" ไปได้ 2-1 จากประตูชัยของ เจอร์เมน เดโฟ นาที 80 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา

ผลฟุตบอลอุ่น เครื่องระดับทีมชาติชุดใหญ่ แข่งขันคืนวันพุธที่ 15 สิงหาคม 2555 แข่งขันกันที่สนาม สต๊าด เดอ ซุสเซ่ ใน สวิตเซอร์แลนด์ เป็นการพบกันระหว่าง "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ พบกับ "อัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี

เริ่ม เกมทั้งสองทีมเล่นค่อนข้างรัดกุมคู่คี่สูสี กระทั่งถึง นาที 15 ขุนพลอัซซูรี่ มาได้เฮก่อน จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อเลสซานโดร เดียมานติ เปิดเข้าเขตโทษให้ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ โฉบขึ้นโหม่งบอลเปลี่ยนทางเข้าประตู ให้ อิตาลี นำ 1-0

น.18 หลังจากได้ประตูขึ้นนำ อิตาลี เล่นด้วยความมั่นใจ มีโอกาสได้ลุ้นอีกครั้ง จากลูกเปิดทางฝั่งซ้าย อันโตนิโอ โนเชริโน่ เปิดเข้าเขตโทษให้ มัตเตีย เดสโตร ได้โหม่ง แต่ แจ็ค บัตแลนด์ รับไว้ได้

น.21 อังกฤษ มาได้โอกาสลุ้นประตูจะแจ้งครั้งแรก จากจังหวะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จ่ายบอลยัดเข้าเขตโทษให้ อดัม จอห์นสัน พลิกบอลเข้าเหลี่ยมซ้ายได้ยิงทางเขตโทษฝั่งขวา แต่บอลพุ่งเข้าไปตรงตั ซัลวาตอเร่ ซิริกู

น.27 ความพยายามของ อังกฤษ มาประสบผล สามารถไล่ตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปิดเข้าเขตโทษให้ ฟิล จากีลก้า พุ่งโหม่งบอลเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าไป ให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1

น.41 เกมเบียดบี้กันในแดนกลาง กระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก อังกฤษ มาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะหวังผล แฟร้งค์ แลมพาร์ด ปั่นโค้งข้ามกำแพง บอลพุ่งไปตกหลังคานอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 1-1

ครึ่ง หลัง มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นทั้ง 2 ทีม อังกฤษ ส่ง จอห์น รัดดี้ ลงแทน แจ็ค บัตแลนด์ ในตำแหน่งนายทวาร ขณะที่ เจอร์เมน เดโฟ ถูกส่งลงไปล่าตาข่ายแทน แอนดี้ แคร์โรลล์ ส่วนทางฝั่ง อิตาลี ถอด เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ ออก แล้วส่ง เฟเดริโก้ เปลูโซ่ ลงสนามแทน

น.55 อิตาลี เปิดเกมบุกได้โอกาสลุ้นประตูจากลูกเปิดทางฝั่งซ้ายของ เดียมานติ โดน แกรี่ เคฮิลล์ สกัดแต่ไม่พ้นเขตอันตราย มัตเตีย เดสโตร สบโอกาสกลับตัวยิงด้วยขวายิงเข้าไปทางเสาแรก แต่ไม่ผ่านมือ จอห์น รัดดี้ พุ่งปัดได้ทัน

น.58 โอกาสลุ้นของ อิตาลี มาอีกครั้ง เมื่อ อันโตนิโอ โนเชริโน่ แทงบอลทะลุช่องให้กับ เฟเดริโก้ เปลูโซ่ แบ็กซ้ายที่เพิ่งลงสนามมาในครึ่งหลัง ได้หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้าย แต่บอลเข้าข้างตาข่าย

น.73 เป็นโอกาสที่ อังกฤษ น่าที่จะได้ประตูขึ้นนำ จากลูกเปิดฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดยัดเข้าเขตโทษ บอลไปตกกระแทกใส่ขา เฟเดริโก้ เปลูโซ่ เปลี่ยนทางเกือบเข้าประตู แต่ ซัลวาตอเร่ ซิริกู ปัดออกไปได้หวุดหวิด

น.80 ความพยายามของ อังกฤษ มาประสบผลในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม จากจังหวะโต้กลับเร็ว เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลให้ เจอร์เมน เดโฟ พลิกหลบ อินยาซิโอ อบาเต้ ได้ซัดด้วยขวาเต็มข้อตรงกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งโดน ซิริกู ปัดโดน แต่ไม่พ้นเข้าไปเสียบตาข่าย ให้ อังกฤษ พลิกนำ 2-1

เวลาที่เหลือ ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม 90 นาที อังกฤษ เฉือนเอาชนะ อิตาลี ไปได้ 2-1

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติอังกฤษ

แจ็ค บัตแลนด์ (จอห์น รัดดี้ 46) - ไคล์ วอล์กเกอร์, แกรี่ เคฮิลล์, ฟิล จากีลก้า (โจลีออน เลสค็อตต์ 62), เลห์ตัน เบนส์ (ไรอัน เบอร์ทรานด์ 78) - แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เจค ลิเวอร์มอร์ 69), ไมเคิ่ล คาร์ริค - อดัม จอห์นสัน, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, แอชลี่ย์ ยัง (เจมส์ มิลเนอร์ 61) - แอนดี้ แคร์โรลล์ (เจอร์เมน เดโฟ 46)
สำรองไม่ได้ใช้
สตีเว่น คอลเกอร์, แจ็ค ร็อดเวลล์

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติอิตาลี

ซัล วาตอเร่ ซิริกู - อินยาซิโอ อบาเต้ (เอเซเกล สเกล็อตโต้ 86), อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, ดาวิเด้ อัสตอรี่, เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ (เฟเดริโก้ เปลูโซ่ 46) - อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ (อันเดรีย โปลี่ 68), ดานิเอเล่ เด รอสซี่, อันโตนิโอ โนเชริโน่ - อเลสซานโดร เดียมานติ (มาร์โก แวร์รัตติ 59), มัตเตีย เดสโตร (ดีเอโก้ แฟ็บบรินี่ 82), สเตฟาน เอล ชาราวี (มาโนโล่ กับบาดินี่ 59)
สำรองไม่ได้ใช้
มาเตีย เพริน - อันเดรีย คอนซิญี่, มัตเตีย เด ชิโย่, ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้, ดานิเอเล่ กัสตาลเดลโล่

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผีซิวหอกดาวรุ่งชิลีหลังผ่านตรวจร่างกาย

ผีซิวหอกดาวรุ่งชิลีหลังผ่านตรวจร่างกาย
ผีซิวหอกดาวรุ่งชิลีหลังผ่านตรวจร่างกาย
"ปีศาจเเดง"เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังเเห่งศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คว้า อังเกโล่ เอ็นริเกซ หัวหอกดาวรุ่งทีมยูนิเวอร์ซิดัด เดอ ชิลี หลังเเข้งรายดังกล่าวได้ผ่านการตรวจร่างกายเรียบร้อยเเล้ว
"ปีศาจเเดง"เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำเเห่งศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คว้า อังเกโล่ เอ็นริเกซ หัวหอกดาวรุ่งทีมยูนิเวอร์ซิดัด เดอ ชิลี หลังเเข้งรายดังกล่าวได้ผ่านการตรวจร่างกายเรียบร้อยเเล้ว
โดย เเข้งชาวชิลีวัย 18 ปี ที่ยิงไปทั้งสิ้น 11 ประตู จากการลงเล่น 17 นัด ในลีกสูงสุดเเดนบ้านเกิดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีค่าตัวในการย้ายซบถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์(ราว 200 ล้านบาท)
พร้อมกันนี้ เเมนฯ ยูไนเต็ดยังหวังจะปิดดีล โรบิน ฟาน เพอร์ซี กองหน้าตัวเก่งทีม"เจ้าปืนใหญ่"อาร์เซน่อลเเล้ว เข้าเสริมทัพอีกด้วย

แพ็คคู่!หงส์กะเหมารวบควบเตโญ่,ซาฮิน

แพ็คคู่!หงส์กะเหมารวบควบเตโญ่,ซาฮิน
แพ็คคู่!หงส์กะเหมารวบควบเตโญ่,ซาฮิน
"เดอะ ซัน" ประโคม "หงส์แดง" กะควบ! เล็งคว้าแข้งเสริมแกร่งรวดเดียวสองราย เตโญ่ ปีก "บาร์ซ่า" และ ซาฮิน จอมทัพ "ชุดขาว" เอาให้ได้ก่อนเปิดฤดูกาล
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เตรียมเดินเครื่องดึงนักเตะมาเสริมทัพรวดเดียวสองรายก่อนหน้าที่ฤดูกาลใหม่ จะเริ่มต้นขึ้น หลังมีรายงานว่ากุนซือรายนี้เตรียมยื่นข้อเสนอขอซื้อตัว คริสเตียน เตโญ่ ปีกดาวรุ่ง บาร์เซโลน่า และ นูริ ซาฮิน กองกลางทีมชาติตุรกีของ เรอัล มาดริด
เดอะ ซัน สื่อชื่อดังรายงานว่า เตโญ่ วัย 21 ปีซึ่งเพิ่งแจ้งเกิดกับ "บาร์ซ่า" เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการทำเจ็ดประตูจาก 22 นัดนั้นกลับไม่เป็นที่ต้องการของต้นสังกัดหลังถูกตัดชื่อออกจากทีมชุดใหญ่ ที่จะใช้ลงทำศึก ลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2012-13 ทำให้ "หงส์แดง" หวังจะยืมตัวดาวเตะรายนี้มาใช้งาน
อย่างไรก็ตาม การที่ อาร์เซน่อล, มาลาก้า, เบนฟิก้า และ อาแจ็กซ์ ต่างก็จับตาดูสถานการณ์ของ เตโญ่ อยู่ด้วยเช่นกัน ทำให้ ร็อดเจอร์ส จำเป็นต้องคว้าตัวปีกจอมเลื้อยมาร่วมทีมเป็นการถาวรตามความต้องการของ "บาร์ซ่า" และด้วยสัญญาที่เหลืออยู่อีกเพียงหนึ่งฤดูกาลทำให้ค่าตัวของดาวรุ่งรายนี้ น่าจะอยู่ที่เพียง 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท)
ส่วนกรณี ซาฮิน ซึ่งไม่สามารถแจ้งเกิดในสีเสื้อ "ราชันชุดขาว" ได้สำเร็จนั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับ ร็อดเจอร์ส ในการยืมตัวจอมทัพเลือดเติร์กมาใช้งาน เนื่องจาก กุนซือรายนี้ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ โชเซ่ มูรินโญ่ เฮดโค้ช เรอัล มาดริด แม้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาร์เซน่อล จะพร้อมเข้าร่วมวงแย่งตัวนักเตะอยู่ด้วยก็ตาม

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แฟนโห่อาร์วีพียับเวนเกอร์ไม่สน ยันรั้งให้อยู่ปืนต่อ

แฟนโห่อาร์วีพียับเวนเกอร์ไม่สน ยันรั้งให้อยู่ปืนต่อ
แฟนโห่อาร์วีพียับเวนเกอร์ไม่สน ยันรั้งให้อยู่ปืนต่อ
บรรดาเหล่าสาวก"เดอะ กันเนอร์ส"ได้ส่งเสียงโห่ใส่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ในเกมอุ่นเครื่องบุกเผา เอฟซี โคโลญจน์ 4-0 ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังย้ำคำเดิมพร้อมที่จะรั้งตัวกัปตันทีมรายนี้ให้อยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต่อไปให้จงได้

เกมอุ่นเครื่องสโมสร คู่ระหว่าง "แพะบ้า"เอฟซี โคโลญจน์ พบกับ อาร์เซน่อล และก็เป็น"ปืนใหญ่"ที่บุกมาเอาชนะถึงถิ่นไรน์ เอเนอร์กี้ สตาดิโอน ไปขาดลอยถึง 4-0
และเกมนัดดังกล่าว อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ชาวฝรั่งเศส ก็ส่ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี กัปตันทีมดีกรีกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ลงสนามช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม แต่ก็ถูกแฟนบอล "เดอะ กันเนอร์ส" กว่า 1,500 คนที่เดินทางมาเชียร์โห่ใส่ยับเยิน

และภายหลังจบเกมการแข่งขัน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับ ฟาน เพอร์ซี แฟนบอลของเราต้องการให้เขาอยู่ต่อ"
"ดังนั้นคุณสามารถเข้าใจได้เลยทำไมพวกเขาถึงปลุกเร้าในลักษณะนั้น ทุกอย่างที่พูดอาจจะดูเหมือนโกหก เพราะตอนนี้เขาคือนักเตะของทีมยิง 30 ประตูในลีกเมื่อปีที่แล้วและเราก็ต้องการรั้งผู้เล่นที่ดีที่สุด คงบอกอะไรกับคุณมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วเพราะว่าผมไม่รู้"

"เพราะ ตอนนี้เขาเป็นนักเตะของเรา และคุณต้องการเก็บผู้เล่นที่ดีที่สุดของคุณไว้ ขณะเดียวกัน เราไม่ได้ซื้อผู้เล่นมาเพื่อแทนที่ ฟาน เพอร์ซี แต่ซื้อมาเพื่อเสริมทีมเราให้แข็งแกร่งมากขึ้น"
"โดยคิดว่า ฟาน เพอร์ซี จะอยู่กับเราต่อไป นั่นยังเป็นความคิดของผมอยู่ในตอนนี้ เราต้องการเก็บเขาไว้" นายใหญ่ประจำถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กล่าวในที่สุด!

ปูด!อลอนโซ่ลาชุดขาว-หงส์หูผึ่ง

ปูด!อลอนโซ่ลาชุดขาว-หงส์หูผึ่ง
ปูด!อลอนโซ่ลาชุดขาว-หงส์หูผึ่ง
ปูด! "คุณชาย" ส่อแววไม่ต่อสัญญา "ราชันชุดขาว" ด้านลีกผู้ดี "หูผึ่ง" จ่อรับบัตรคิวจีบเพียบ แฉ "หงส์" ลุ้นกับเขาด้วย

"สปอร์ต" สื่อดังแดนกระทิงดุ รายงานว่า ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ของ เรอัล มาดริด ยอดทีมแห่งศึก ลา ลีกา อาจไม่พิจารณาต่อสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดออกไปอีก
ทั้งที่ข้อผูกมัดเดิมเหลือแค่อีก 2 ปีเท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองมีสิทธิ์ย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว โดยดุษฎีในช่วงซัมเมอร์ของปี 2013 เพื่อไปค้นหาความท้าท้ายใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง

นอกจากนี้ มีการคาดเดาว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่ "ราชันชุดขาว" จะยอมปล่อย กองกลางมาดคุณชาย รายนี้ออกจากทีม เนื่องจากค่าตัวของเขาได้ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยหากมีทีมใดยื่นข้อเสนอเข้ามาก่อนก็เต็มใจที่จะรับไว้พิจารณา

ทั้ง นี้แข้งวัย 30 ปี ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาร่วมทัพ "โลส บลังโกส" ตั้งแต่ปี 2009 ลงสนามไปแล้ว 145 นัด ทำไป 6 ประตู โดยมีทีมชั้นนำจากแดนผู้ดีอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ อาร์เซน่อล สนใจที่จะยื่นข้อเสนอดึงตัวไปร่วมทัพ โดยเฉพาะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อดีตต้นสังกัดเก่าของดาวเตะเลือดกระทิง ที่กำลังเฝ้าจับตามองสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อ

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ดอร์ทมุนด์

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ดอร์ทมุนด์

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ดอร์ทมุนด์

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เฉือนเก็บชัยเหนือ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปแบบสุดมันส์ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ได้สำเร็จและนับเป็นการปลุกขวัญกำลังใจก่อน ลีกสูงสุดเมืองเบียร์จะเปิดฤดูกาล ในศึกฟุตบอล เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ 2012 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา



ฟุตบอล เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ 2012
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2555บาเยิร์น มิวนิค 2    -   1 ดอร์ทมุนด์
ผู้ทำประตู : 1-0 มาริโอ มันด์ซูคิช น.6, 2-0 โธมัส มุลเลอร์ น.11, 2-1 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น.75



สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า, มิวนิค

        "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ขาดผู้เล่นแกนหลักอย่าง ดาวิด อลาบา, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ มาริโอ โกเมซ ทั้งหมด ทำให้ต้องถอย เอ็มเร่ ชาน กองกลางดาวรุ่งลงมายืนแบ็กซ้าย ส่ววนหน้าเป้าวาง มาริโอ มันด์ซูคิช ดาวยิงทีมชาติโครเอเชียลงยืนหน้าเป้าคอยจบสกอร์ โดยมี อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์ และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ยืนเป็นสามประสานแนวรุกจากขวาไปซ้ายตามลำดับ

        ด้าน "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ ทีมดับเบิลแชมป์ของ  เจอร์เก้น คล็อปป์ ขาดทั้ง เซบาสเตียน เคห์ล กัปตันทีม กับ สเว เบนเดอร์ ไปทั้งคู่ ทำให้ต้องใช้ อิลคาย กุนโดกัน ยืนมิดฟิลด์คู่กลางกับ โมริทซ์ ไลท์เนอร์ แนวรุกให้ มาร์โค รอยส์ ลงปั้นเกมตรงกลาง ส่วนริมเส้นสองข้างเป็น ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ กับ เควิน โกรสส์ครอยท์ซ หน้าเป้าเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คอยล่าตาข่าย

        เปิดฉากมาเพียง 6 นาที แฟนบอลเจ้าบ้านได้เริงร่ากันก่อนเลย  ฟร้องค์ ริเบรี่ ได้บอลทางซ้าก่อนตัดสินใจเปิดบอลติดไซด์ก้อยด้วยขวาบอลโค้งผ่านทั้ง เนเว่น ซูโบติช และ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ไปตกเสาสองไปถึง มาริโอ มันด์ซูคิช เอาบอลลงแล้วดีดด้วยซ้ายเสียบโคนเสาไม่เหลือ เสือใต้ ขึ้นนำ 1-0

        เท่านั้นไม่พออีก 5 นาทีต่อมาแฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮต่อเนื่องเลย มาริโอ มันด์ซูคิช แทงบอลจากกลางสนามให้ อาร์เยน ร็อบเบน หลุดกับดักล้ำหน้าไปเดี่ยวๆ ก่อนโยกออกซ้ายแล้วชิพข้ามตัว โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ บอลกลิ้งไปชนเสาไกลกระเด้งออกมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ หวดซ้ำดาบสองตูมเดียวเสียบตาข่าย บาเยิร์น ทิ้งห่าง 2-0

        หลังจากนั้น เสือเหลือง เริ่มตั้งเกมได้และช่วงท้ายครึ่งแรก เสือใต้ หวิดเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ เอ็มเร่ ชาน ไปพุ่งยันเข้าใส่ ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ แบบน่าเกลียด แต่ มิชาเอล ไวเนอร์ ยังใจดีแจกแต่ใบเหลืองเท่านั้น จบ 45 นาทีแรก บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำอยู่ 2-0

        กลับลงสนามมาสู้กันต่อ 4 นาที เสือเหลือง น่าตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเหลือเกินจากลูกเตะมุมที่ เควิน โกรสส์ครอยท์ซ เปิดบอลมาจุดนัดพบให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เทกขึ้นโขกเต็มๆถูก มานูเอล นอยเออร์ ผวาปัดออกมาได้ทัน

        ต่อเนื่องเลยกับโอกาสของฝั่งดับเบิลแชมป์ ครั้งนี้เป็น รอยส์ โยนลูกฟรีคิกโค้งเข้ากลางมาให้ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ สอดขึ้นโหม่งเหินข้ามคานออกไปไม่ไกล

        นาที 65 เสือใต้ หวิดฝัง เสือเหลือง ลงหลุมสนิท จากจังหวะอันคุ้นเคยของ อาร์เยน ร็อบเบน เลี้ยงบอลตัดเข้าในมาซัดไหลระยะ 22 เมตรกำลังจะหมุดเสียบมุม แต่ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ พุ่งไปตะครุบรับบอลเอาไว้ได้

        กระทั่งนาที 75 ดอร์ทมุนด์ ก็ไล่คืนมาเป็น 1-2 จนได้ ยูเลี่ยน ชีเบอร์ ไหลบอลสั้นให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พลิกบอลมาแต่งหาจังหวะยิงบอลเน้นๆเสียบหน้าต่างเสาไกลเข้าไปอย่างสุดสวย

        สามนาทีต่อมา ดอร์ทมุนด์ น่าจะได้ประตูตีเสมอ เมื่อ มาริโอ เกิตเซ่ ไหลออกทางซ้ายให้กับ ยูเลี่ยน ชีเบอร์ ที่ลงมาเป็นสำรองด้วยกันนั้นยิงด้วยซ้ายหักข้อบอลหลุดเสาสองไปนิดเดียวเท่า นั้น

     จากนั้นนาทีที่ 80 บาเยิร์น มิวนิค เปลี่ยนเอา อนาโตลี ติมอสชุค กองกลางทีมชาติยูเครน มาช่วยเบรกเกมตรงกลางสนามแล้วถอด ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกมาพัก

     เกมยังเป็นของดอร์ทมุนด์ ดีกว่า มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่ ยูเลี่ยน ชีเบอร์ สับด้วยซ้าย แต่ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารของเสือใต้ยังเซฟไว้ได้
     ท้ายเกมนาทีที่ 82 บาเยิร์น มิวนิค เกือบได้ประตูที่สาม เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ พลิ้วบอลหลบสองกองหลังของเสือเหลืองเข้าไปกดด้วยซ้ายที่เสาแรก แต่บอลไปติดขาของ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวารของดอร์ทมุนด์ ที่ออกมาปิดเสาแรกได้รวดเร็วอย่างน่าชมเชย
     เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม บาเยิร์น มิวนิค เบียดเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ไปได้ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ เยอรมัน 2012 ไปครอง และเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 2 ในรอบสามปีหลังด้วย รวมทั้งหมด 4 สมัย พร้อมกับหยุดสถิติแพ้ ดอร์ทมุนด์ 5 นัดติดต่อกันลงได้แล้ว  


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


        บาเยิร์น มิวนิค :
มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), เยโรม บัวเต็ง, ดานเต้, เอ็มเร่ ชาน (โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ น.70) - โทนี่ โครส, ลุยซ์ กุสตาโว่ - อาร์เยน ร็อบเบน (แซร์ดาน ชากิรี่ น.86), โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ (อนาโตลี ติมอสชุค น.80) - มาริโอ มานด์ซูคิช

     สำรองไม่ได้ใช้:
ทอม สตาร์เค่ (ผู้รักษาประตู) - ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่, มิตเชลล์ ไวเซอร์

     ใบเหลือง:
ลุยซ์ กุสตาโว่ น.28, เอ็มเร่ ชาน น.37, มาริโอ มานด์ซูคิช น.68, อาร์เยน ร็อบเบน น.82


        
ดอร์ทมุนด์ :
โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - ลูคัส พิสเซ็ค, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เนเว่น ซูโบติช, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - โมริตซ์ ไลท์เนอร์ (มาริโอ เกิตเซ่ น.64), อิลคาย กุนโดกาน - ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ (ยูเลี่ยน ชีเบอร์ น.71), มาร์โค รอยส์, เควิน โกรสส์ครอยท์ซ (อีวาน เปริซิซ น.64) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

     สำรองไม่ได้ใช้:
มิตเชลล์ ลันเกรัค (ผู้รักษาประตู) - ออกุสโต้ เฟลิเป้ ซานตาน่า, คริส โลเว่, มุสตาฟา อมินี่

     ใบเหลือง:
มาร์เซล ชเมลเซอร์ น.42


     ผู้ตัดสิน:
มิชาเอล ไวเนอร์ (อ็อตเต้นสไตน์)

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 2-3 แมนซิตี้

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 2-3 แมนซิตี้
ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เชลซี 2-3 แมนซิตี้

ฟุตบอล คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2012
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2555
เชลซี 2-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : วิลล่า พาร์ค
          ศึกเปิดหัวฟุตบอลอังกฤษ ชิงโล่การกุศล คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2012 แชมป์พรีเมียร์ลีก "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ พบกับ แชมป์เอฟเอคัพ "สิงห์บลู" เชลซี โดย แมนฯซิตี้ ใช้ เจมส์ มิลเนอร์,คาร์ลอส เตเวซ และ ซามีร์ นาสรี่ เป็นสามประสานแนวรุก โดยกองหน้าเป้าใช้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ส่วน เชลซี จัดเต็มส่ง 3แนวรุกอย่าง เอแด็ง อาซาร์,เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ฮวน มาต้า ลงสู้
          เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที เป็นฝ่าย แมนฯซิตี้ ได้ยิงทักทายก่อน จาก คาร์ลอส เตเวซ แต่บอลเบาและตรงตัว ปีเตอร์ เช็ก เซฟสบาย นาทีที่ 16 ทีม “เรือใบ” ยังมีโอกาสได้ลุ้นจากจังหวะที่ คาร์ลอส เตเวซ แทงบอลมาให้ ซามีร์ นาสรี่ หลุดเข้าไปจิ้มบอลด้วยขวา แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังล้มตัวเซฟไว้ได้อีก
          นาที 24 แชมป์พรีเมียร์ลีก ยังมีโอกาสได้จบอีกครั้ง จากการเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาสนามของ เจมส์ มิลเนอร์ ให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ พุ่งโหม่งตรงบริเวณจุดโทษ แต่บอลโดนบางไปจึงหลุดออกเสาสองไปไกล นาทีที่ 29 เป็นฝ่าย เชลซี ได้มีโอกาสสับไกยิงบ้าง จากการซัดเต็มข้อระยะ30หลาของ เอแด็ง อาซาร์ แม้บอลจะพุ่งแรง แต่ คอสเทล พานติลิมอน ล้มตัวเซฟได้แบบอยู่หมัด
          นาทีที่ 40 สาวก “สิงห์บลูส์” ได้เฮกันลั่น เมื่อ รามิเรส เก็บตกบอลได้บริเวณหัวกะโหลก ก่อนพาบอลแหวกหนีกองหลัง แมนฯซิตี้ ก่อนแทงบอลมาให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส จิ้มบอลด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลตุงตาข่ายให้ เชลซี นำ 1-0
          ทว่า 2 นาทีต่อมา เชลซี ก็ต้องเหลือแค่10คน เมื่อ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ไปสไลด์เปิดปุ่มใส่ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ อย่างแรง เควิน เฟรนด์ ผู้ตัดสินไม่คิดอย่างอื่นนอกจากแจกใบแดงให้ทันที ช่วงเวลาที่เหลือ ทำอะไรกันไม่ได้ หมดครึ่งแรก เชลซี จึงขึ้นนำ แมนซิตี้ อยู่ 1-0 แต่เหลือนักเตะในสนามแค่10คนเท่านั้น
          เริ่มครึ่งหลังนาทีที่ 53 สาวก “เรือใบสีฟ้า” ได้เฮบ้าง จากจังหวะที่ เทอร์รี่ สกัดบอลไปเข้าทาง ยาย่า ตูเร่ แตะบอลตรงกรอบเขตโทษ ก่อนตะบันยิงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาแรกอย่างงดงาม ให้ แมนฯซิตี้ ตามตีเสมอเป็น 1-1
          นาที 59 แมนฯซิตี้ เริ่มฉวยโอกาสจากการมีคนมากกว่าได้มากขึ้น และก็ได้เฮอีกจนได้ เมื่อ คาร์ลอส เตเวซ ได้บอลตรงกรอบเขตโทษ ก่อนพาบอลลากหนี ดาวิด ลุยส์ มาตรงกลาง สุดท้ายกดยิงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างหมดจด เป็นสกอร์ให้ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ 2-1
          นาที 65 สกอร์ก็ไหลเพิ่มอีก เมื่อ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ เติมเกมหลุดมาถึงเส้นหลัง ก่อนเปิดตวัดเข้ากลางให้ ซามีร์ นาสรี่ กระโดดดีดวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลตุงตาข่าย สุดปัญญาที่ ปีเตอร์ เช็ก จะเซฟไหว เป็นประตูให้ แมนฯซีตี้ นำห่าง 3-1
          นาทีที่79 แฟนๆเชลซี ได้เฮประตูความหวังมาบ้าง จากจังหวะสับไกยิงด้วยซ้ายนอกกรอบของ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ บอลแม้จะตรงตัว คอสเทล พานติลิมอน แต่กลับรับไม่อยู่ บอลจึงหลุดมาให้ ไรอัน เบิร์ตทรานด์ วิ่งมาตามซ้ำจ่อๆเป็นประตูให้ เชลซี ไล่ตามมา 2-3
          นาทีที่ 88 แมนฯซิตี้ เปลี่ยนตัวอีกครั้ง ด้วยการส่ง เอดิน เซโก้ ลงมาแทน คาร์ลอส เตเวซ ก่อนช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯซิตี้ เอาชนะ เชลซี ไปอย่างสนุก 3-2 คว้าโล่การกุศลไปครอง

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ดินาโม บูคาเรสต์ 0:2 บาร์เซโลน่า

ฟุตบอลกระชับมิตรสโมสร 

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2555

ดินาโม บูคาเรสต์ 0:2 บาร์เซโลน่า
สนาม : สตาดิโอนู ดินาโม 
ผู้ทำประตู : [0:1]ลิโอเนล เมสซี่ น.4, [0:2]อิบราฮิม อเฟลลาย น.90 

     นาที 4 บาร์เซโลน่า ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อ อเล็กซิส ซานเชส ไหลบอลให้ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงผ่าน คริสเตียน เนามอฟสกี้ เข้าประตูไป 1:0 

     นาที 90 บาร์เซโลน่า มาได้ประตูที่สองจาก ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ วางบอลไปให้ อิบราฮิม อเฟลลาย จับในเขตโทษแล้วกระดกข้าม คริสเตียน เนามอฟสกี้ เป็น 2:0 

     จบเกมการแข่งขัน บาร์เซโลน่า เอาชนะดินาโม บูคาเรสต์ ไปได้ 2:0 ในเกมอุ่นเครื่อง 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ดินาโม บูคาเรสต์ : คริสเตียน เนามอฟสกี้, คอนสแตนติน นิก้า, ดรากอส กริโกเร่, คริสเตียน สคูตารู, คริสเตียน ปัลฮาช, อิสซ่า บา, มุนเตียนู, นิโคไล มูซาต, เบาเรนติอู รัส, จอร์จ ทูคูดีน, มาริอุส อเลเซ่ 

บาร์เซโลน่า : บิ คตอร์ บัลเดส, ดาเนี่ยล อัลเวส, มาร์ก บาร์ตร้า, เคราร์ด ปีเก้, จอร์ดี้ อัลบา, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เชส ฟาเบรกาส, ชาบี เอร์นานเดซ, เปโดร โรดริเกซ, ลิโอเนล เมสซี่, อเล็กซิส ซานเชส 


 ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เรอัล มาดริด 2-0 กลาสโกว์ เซลติก

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match เรอัล มาดริด 2-0 กลาสโกว์ เซลติก

  "ราชันชุดบาว" เรอัล มาดริด โชว์ฟอร์มสุดแจ่มหลังไล่ต้อนเก็บชัยเหนือ กาลสโกว์ เซลติก ไปแบบสบาย 2-0 และนับเป็นการปิดปรีซีซั่นก่อนเปิดลีกกระทิงดุได้อย่างงดงามโดยเก็บชัยได้ 5 เกมรวมแถมยิงประตูคู่แข่งแบบกระจุยอีกด้วย ในศึกฟุตบอลกระชับมิตรสโมสร เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา






ฟุตบอล กระชับมิตรสโมสร
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2555
เรอัล มาดริด (สเปน) 2   -   0 กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์)



สนาม: ลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์, ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

        "โลส บลังโกส" เรอัล มาดริด เก็บชัยมาแล้ว 4 นัด ในจำนวน 5 เกมของการลับแข้ง เกมนี้เรียก ชาบี อลอนโซ่ กลับมาเป็นตัวจริงคอยบงการเกมร่วมกับ ซามี่ เคดิร่า แล้วให้ โฆเซ่ กาเยฆอน, กาก้า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คอยปั้นเกมบุกหลัง กอนซาโล่ อีกวาอิน ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

        ทางด้าน เซลติก ให้ โจ เล็ดลี่ย์ กองกลางตัวเก่งยังพร้อมปั้นเกมรุกสนับสนุน แอนโธนี่ สโต๊คส์ ในการเข้าทำสกอร์
เริ่ม เกมมา 4 นาที "ราชันชุดขาว" น่าขึ้นนำก่อน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แปบอลยัดเข้าในถูกแนวรับ เซลติก สกัดออกมาเข้าทาง ฟาบิโอ โกเอนเตรา ตวัดเร็วให้ อิกวาอิน ซัดตามน้ำไม่ผ่านมือ ลูคัส ซาลุสก้า ล้มตัวรับบอลไว้อยู่หมัด

        เริ่มเกมมา เรอัล มาดริด ครองเกมได้เหนือกว่าจนกระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 12 จากจังหวะที่ กอนซาโล่ อิกวาอิน รับบอลไปยิงติดแนวรับ เซลติก แต่บอลมาเข้าทาง โฆเซ่ กาเยฆ่อน ตามมาเก็บบอลก่อนแตะหลบ ซาลุสก้า เข้าไปยิงนิ่มๆ

        ราชันชุดขาว ดีกว่าต่อเนื่องหลังจากนั้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบขาดพอ ทำให้จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำแค่ 1-0  

        ครึ่งหลัง ทีมแชมป์จากสเปนยังทำได้ดีกว่าแม้จะเปลี่ยนผู้เล่นสำรองหลายคนลงสนาม และในนาที 67 ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากการยิงของ คาริม เบนเซม่า ตัวสำรอง

        หลังจากนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติมเกิดขึ้น จบเกม เรอัล มาดริด ปราบชนะ กลาสโกว์ เซลติก ไปนิ่มๆ 2-0 และนับเป็นการปิดปรีซีซั่นก่อนเปิดลีกกระทิงดุได้อย่างงดงามโดยเก็บชัยได้ 5 เกมรวมแถมยิงประตูคู่แข่งแบบกระจุยอีกด้วย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เรอัล มาดริด :
อันโตนิโอ อาดาน - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เซร์คิโอ รามอส, ราอูล อัลบิโอล, ฟาบิโอ โกเอนเตรา, ซามี่ เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่, โฆเซ่ กาเยฆ่อน, ริคาร์โ กาก้า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, กอนซาโล่ อิกวาอิน

        กลาสโกว์ เซลติก :
ลูคัส ซาลุสก้า - อดัม แม็ทธิวส์, เคลวิน วิลสัน, ชาร์ลี มัลกรูว์,  เอมิลิโอ อิซาร์กีร์เร่, ไดแลน แม็คกีโอ๊ค, เบราม คายาล, โจ เล็ดลี่ย์, คริส คอมมอนส์, แอนโธนี่ สโต๊คส์, ดารีล เมอร์ฟี่

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮันโนเวอร์ 96 3-4 แมนยู

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮันโนเวอร์ 96 3-4 แมนยู

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match ฮันโนเวอร์ 96 3-4 แมนยู

 ชินจิ คางาวะ สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยช่วย "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตามห่างถึง 1-3 เร่งเครื่องกลับมาไล่แซงเฉือน ฮันโนเวอร์ ไปแบบสุดมันส์ 4-3 นับเป็นการส่งท้ายปรีซีซั่นของอสูรแดงได้อย่างสวยหรู ในศึกฟุตบอล กระชับมิตรสโมสร เมื่อคืน




ฟุตบอล กระชับมิตรสโมสร
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2555
ฮันโนเวอร์ (เยอรมัน) 3   -   4 แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)

สนาม : เอดับเบิ้ลยูดี อารีน่า

        เปิดเกมมาได้ 14 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสขึ้นนำจากจังหวะที่ นานี่ หลุดมาทางขวาก่อนเปิดบอลยัดไปหน้าประตู ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ พยายามเข้าชาร์จแต่ไม่โดนบอลผ่านหน้าประตูออกไป

        ทีมเยือน ยังมีโอกาสลุ้นต่อเนื่องจากลูกเตะมุมในนาที 18 เป็น นานี่ เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู แอชลี่ย์ ยัง โหม่งเช็ดที่เสาแรกบอลเลยไปถึง เนมานย่า วิดิช แปข้ามคาน

        ปีศาจแดง ยังเดินหน้าบุกเข้าใส่และน่าจะได้ประตูนำในนาที 23 จากจังหวะที่ นานี่ เปิดบอลเรียดให้ ชินจิ คางาวะ หลุดไปถึงเส้นหลังตวัดต่อให้ ชิชาริโต้ ยิงแต่บอลติดขาแต่ยังมาถึง ไมเคิ่ล คีน ยิงจ่อๆ ติดบล็อก ซีเลอร์

        นาทีต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะได้ประตูเมื่อทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ แทงบอลเข้าเขตโทษให้ นานี่ สปีดไปยิงบอลติดบล็อก ซีเลอร์ มาเข้าทาง ไมเคิ่ล คีน ยิงโล่งๆ แต่ซัดออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ

        เมื่อทำไม่ได้ก็เป็นเจ้าถิ่นฮันโนเวอร์ ที่มาได้ประตูนำก่อน 1-0 ในนาที 25 เมื่อ ยาน ชเลาดราฟฟ์ ได้สับไกจากหน้าเขตโทษ บอลตรงตัวลินเดการ์ด ทวารนายด่านเดนส์ รับหลุดมือมาเข้าทาง อาตูร์ โซบีช ตามซ้ำไม่เหลือ

        แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหลังได้ไม่นานก็มาตีเสมอเป็น 1-1 สำเร็จในนาที 31 จากจังหวะที่ ปาทริช เอวร่า แทงทะลุช่องให้ นานี่ หลุดไปในเขตโทษก่อนหักกลับมาให้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงเร็ว ซีเลอร์ ปัดบอลมาเข้าทาง ชิชาริโต้ ซ้ำจ่อๆ ไม่เหลือ

        ฮันโนเวอร์ มีโอกาสอีกครั้งในนาที 39 เมื่อ คอนสแตนติน เราช์ ได้ส่องด้วยขวาจากหน้าเขตโทษแต่ ลินเดการ์ด ปัดจังหวะแรกก่อนตามไปคว้าได้ทันหมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

        ครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ดเปลี่ยนดาบิด เด เคอา และไรอัน กิ๊กส์ลงสนาม แต่นาทีที่ 48 ฮันโนเวอร์ซึ่งบุกใส่ตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ตก็ได้เฮจากลูกเตะมุมฝั่งขวาที่ นายทวารสแปนิชชกออกมาแล้วเจ้าบ้านสาดจากกราบซ้ายกลับมาหน้าประตูอีกครั้งโดย มีคาริม ฮักกุยตัวสำรองโหม่งเหน่งๆจากสี่หลาเสียบเพดานให้ทีมในบุนเดสลีกานำอีกหน 2-1

        เกมแลกกันแบบใครดีใครอยู่แล้ว และต่างก็มีโอกาสคลำเป้าอย่างต่อเนื่องทั้งคู่ แต่นาทีที่ 65 เจ้าบ้านสาดบอลจากฝั่งขวาเข้าเสาแรกแล้วโมฮัมเหม็ด อับเดลลาอูโชว์เหนือวิ่งถอยหลังกลับตามไปตอกส้นจากหกหลาผ่านมือเด เคอาตุงตาข่ายอย่างสุดยอดพาฮันโนเวอร์หนีห่าง 3-1

        แมนฯ ยูไนเต็ดยังไม่ถอดใจ และมาได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านซ้ายในนาทีที่ 69 รูนีย์จึงวิ่งเข้าปั่นจาก 25 หลาเสียบเสาแรกพาผีแดงไล่มา 2-3

        นาทีที่ 73  ทีมเยือนเปลี่ยนอันแดร์สันกับอันโตนิโอ วาเลนเซียลงเล่น กระทั่งนาทีที่ 82 เร้ด เดวิลส์ก็มาได้ลูกโทษเมื่ออันแดร์สันไหลบอลเข้าเขตโทษให้รูนีย์แตะหนีโร เบิร์ต ซีเลอร์แล้วทิ้งตัวล้มตบตาผู้ตัดสินได้ ก่อนที่กองหน้าร่างอวบจะสังหารเองไม่พลาดให้ทีมจากอังกฤษตีเสมอ 3-3

        เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 85 แมนฯ ยูไนเต็ดก็ลุยขึ้นมาน่ากลัวแล้วรูนีย์โขกบอลลอยโด่งเข้าเขตโทษด้านขวาให้ คางาว ะตามไปตวัดยิงตุงตาข่ายที่เสาไกลพาทีมผีแดงแซงนำ 4-3

        ช่วงที่เหลือ แมนฯ ยูไนเต็ดยังมีจังหวะเช็คบิลเพิ่มอีกหลายหน แต่พลาดไปเองอย่างน่าเสียดาย จบเกมเร้ด เดวิลส์จึงเฉือนเอาชนะฮันโนเวอร์ไปอย่างสนุก 4-3

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        ฮันโนเวอร์ :
รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์, โซฟิยาน ชาเฮด, คอนสแตนติน เราช์, คริสโตเฟอร์ อเววอร์, มาริโอ เอ็กกิมันน์, เอเดรียน นิคซี่, ลีออน อันเดรียเซ่น, เฮนนิ่ง เฮาเกอร์, คริสเตียน พานเดอร์, อาตูร์ โซบีช, ยาน ชเลาดราฟฟ์

        แมนฯ ยูไนเต็ด
: อันเดรส ลินเดการ์ด, ไมเคิ่ล คีน, เนมานย่า วิดิช, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ปาทริซ เอวร่า, นานี่, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ชินจิ คางาวะ, แอชลี่ย์ ยัง, เวย์น รูนี่ย์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match มงต์เปลลิเย่ร์ 1-1 ตูลูส

ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match มงต์เปลลิเย่ร์ 1-1 ตูลูส
ไฮไลท์ฟุตบอล Full Match มงต์เปลลิเย่ร์ 1-1 ตูลูส

มงต์เปลลิเย่ร์ แชมป์เก่าซีซั่นก่อน ทำได้เพียงเสมอกับ ตูลูส 1-1 แบ่งไปทีมละแต้ม แถมเกมนี้มีใบแดงว่อนถึง 3 ใบ โดยเป็นของฝั่ง มงต์เปลลิเย่ร์ 1 ใบ และฝั่ง ตูลูส ทีมเยือน 2 ใบ ฟุตบอลลีก เอิง ฝรั่งเศส นัดแรก ฤดูกาล 2012-2013เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา
ฟุตบอลลีก เอิง ฝรั่งเศส
นัดแรก ฤดูกาล 2012-2013
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม 2555
มงต์เปลลิเย่ร์ 1   -   1 ตูลูส



สนาม : สต๊าด เดอ ลา มอสซง เอต์ ดู มงดิอัล 98

        ลีก เอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาล 2012-2013 เริ่มต้นนัดแรกในคืนวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม ออกสตาร์ทเกมบิ๊กแมตช์คู่เดียว มงต์เปลลิเย่ร์ แชมป์เก่าเปิดสต๊าด เดอ ลา มอสซง เอต์ ดู มงดิอัล 98 ทางตอนใต้พบ ตูลูส ที่ได้อันดับ 8 ลีก เอิง ฤดูกาลที่แล้ว ในศึกดาร์บี้แมตช์แห่งเมดิเตอร์เรเนี่ยน

        เรอเน่ ชิราร์ เทรนเนอร์ มงต์เปลลิเย่ร์ ที่เพิ่งนำทีมได้ตำแหน่งรองแชมป์โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์ 2012 ในการเล่นถ้วยนี้เป็นครั้งแรก หลังจากแพ้ โอลิมปิก ลียง ในการดวลจุดโทษ 2-4 ซึ่งในเกม 90 นาที ทั้งคู่เสมอกัน 2-2 ฟาดแข้งที่สนาม เร้ด บูลล์ อารีน่า ในนิว ยอร์ก ประเทศ สหรัฐอเมริกา ขาด มาร์โก เอสตราด้า มิดฟิลด์ชิลีวัย 29 ปีติดโทษแบนนัดแรกในจำนวนโทษแบน 2 นัด
ซึ่งเกมนี้เขาส่ง จอห์น อูตาก้า สตาร์ไนจีเรีย นำเกมรุกเคียงข้าง เรมี่ กาแบลล่า, ซูเลย์มาน กามาร่า โดยมี เอ็มมานูเอล เอร์เรร่า กองหน้าอาร์เจนติน่า เป็นหัวหอกตัวหลัก

        ทางด้าน อแล็ง กาซาโนว่า เทรนเนอร์ตูลูสได้ ฟร้องค์ ตาบานู มิดฟิลด์หายเจ็บไหล่ขวา และ เอเตียน ดิโด้ต์ กองกลางหายเจ็บลงเล่นได้

        เกมครึ่งแรกเริ่มต้น โดยช่วง 15 นาทีแรก ทั้งคู่ยังไม่มีจังหวะยิงเผาขน จนกระทั่งนาที 20 เรมี่ กาแบลล่า มิดฟิลด์เจ้าถิ่นซัดฟรีคิกระยะไกล 25 หลาทางฝั่งขวา บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลาเท่านั้น

        และแล้วนาที 34 มงต์เปลลิเย่ร์ได้ประตูนำ 1-0 จอห์น อูตาก้า เปิดฟรีคิกบอลมาเข้าทาง ซูเลย์มาน กามาร่า ซัดเผาขนเรียบร้อย

        นาที 39 มงต์เปลลิเย่ร์ เหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ ฌาแมล เซอี มิดฟิลด์ตัวรับโดนใบแดง หลังจากทำฟาวล์ ฟร็องซัวส์ ซิริแย็กซ์ มิดฟิลด์ตูลูสจนบาดเจ็บที่ศีรษะ

        สามนาทีต่อมา ทีมแชมป์เก่าเปลี่ยนเอา เรมี่ กาแบลล่า มิดฟิลด์ตัวรุกออกจากสนาม โดยส่ง โชริส มาร์กโวซ์ ลงเล่นแทน จบครึ่งแรก มงต์เปลลิเย่ร์นำ 1-0

        ในครึ่งหลัง ทีมเยือนเปลี่ยนเอา ฟร็องซัวส์ ซิริแย็กซ์ ออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บ โดยส่ง วิสซาม เบน เยดเด้ร์ ลงเล่นแทนนาที 46

        และนาที 54 ตูลูสเกือบตีเสมอ เมื่อ แซร์ช โอริเย่ร์ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาไปที่เสาแรก เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ โหม่งถากเสาไม่กี่หลา

        นาที 58 ริวิแยร์ กองหน้าตูลูสได้วอลเล่ย์หน้าประตู บอลเหินข้ามคาน

        จนกระทั่งนาที 72 ตูลูสตีเสมอ 1-1 กองหลังมงต์เปลลิเย่ร์เล่นพลาดเสียบอลให้ ดาเนี่ยล บราเท่น มิดฟิลด์ตัวสำรอง ก่อนเปิดให้ วิสซาม เบน เยดเด้ร์ มิดฟิลด์ตัวสำรองโหม่งเผาขนตุงตาข่าย

        นาที 73 ตูลูส เหลือผู้เล่น 10 คน เท่ากัน อาเดรียง เรอกัตแต็ง ตัวสำรองโดนใบแดง ถูกไล่ออกจากสนาม

        เกมเดือดขึ้นอีกครั้งเมื่อนาทีที่ 84 ตูลูส มาเหลือผู้เล่นเพีง 9 คน โดย แซร์ช โอริเย่ร์ ถูกใบแดงไล่ออกจกาสนามไปอีกคน


        จบเกม มงต์เปลลิเย่ร์ เสมอ ตูลูส 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        มงต์เปลลิเย่ร์ :
เชฟเฟร่ ชูร์กดร็อง - ดาเนี่ยล กงเกร้, มาปู ย็องกา-เอ็มบีว่า (กัปตันทีม), วิตอริโน่ ฮิลตัน, ซีริล เฌินช็อง - ฌาแมล เซอี, เบนฌาแม็ง สต็อมบูลี่ - ซูเลย์มาน กามาร่า, เรมี่ กาแบลล่า, จอห์น อูตาก้า - เอ็มมานูเอล เอร์เรร่า

        สำรอง :
โลร็องต์ ปิยอนนิเย่ร์ (ผู้รักษาประตู), อองรี เบดิโม่, มาติเยอ เดอปลาญ, โชริส มาร์กโวซ์, โรแม็ง ปิโต้, คาริม เอต์ ฟาน่า, เบนกาลี่-โฟเฟ้ กัวต้า

        ตูลูส
: อาลี อาห์มาด้า - แซร์ช โอริเย่ร์, โจนาธาน เซบีน่า (กัปตันทีม), อายเมน อับเดนนูร์, เช็ก เอ็มบ็องกูเอ้ - เอเตียน กาปู - มุสซา ซิสโซโก้, เอเตียน ดิโด้ต์, ฟร็องซัวส์ ซิริแย็กซ์, ฟร้องค์ ตาบานู - เอ็มมานูเอล ริวิแยร์

        สำรอง :
โอลิวิเย่ร์ บลงแดล (ผู้รักษาประตู), ฌอง-ดาเนี่ยล อัคปา-อัคโปร, พาฟเล่ นินคอฟ, ติโบต์ เปย์เร่, อาเดรียง เรอกัตแต็ง, วิสซาม เบน เยดเด้ร์, ดาเนี่ยล บราเท่น

        ผู้ตัดสิน :
อ็องโตนี่ โกติเย่ร์